ความกลัวเป็นสิ่งที่บ่อนทำลายความคิดสร้างสรรค์
 
     
 
อ้อมกอดป่าไม้(เก่า)
คนที่บ้านชมว่าแต่งกลอนรักเก่ง เลยขยับบทนี้...อ้อมกอดป่าไม้(เก่า)... เพื่อเอาใจสักหน่อย รวมทั้งเป็นแง่คิดให้วนกรรุ่นใหม่ ได้นำปรับใช้ ส่วนรุ่นเก่าบางคนก็อาจมีประโยชน์ได้เหมือนกัน ถ้ายังมีไฟในทรวงอยู่บ้าง
 

  

๏เราเหินห่างร้างกันมานานเนิ่น

แล้วบังเอิญพบกันพาหวั่นไหว

โลกช่างสวยสุดงามวาบหวามใจ

โอ้น้ำตาแทบจะไหลชื่นในทรวง

 

๏เกือบโดดพุ่งโผถลาผวากอด

อยากพร่ำพรอดอดีตเก่าเฝ้าห่วงหวง

เคยมั่นหมายมอบให้ใจหมดดวง

กาลเลยล่วงนานแค่ไหนจำได้ดี

 

๏คนต้องจิตคิดทางร่วมสร้างฝัน

ทุ่มกายใจใฝ่สัมพันธ์อันล้นปรี่

ทั้งแลกปันทุกข์สุขหมั่นคลุกคลี

สานชีวีสร้างคุณค่าวนกร

 

๏แม้ทำงานกลางไพรห่างไกลกัน

ยังซึ้งมั่นการห่วงหาคราวันก่อน

ของกินใช้เธอกูลเกื้อเอื้อบทกลอน

หมั่นอาวรณ์ยามป่วยไข้ได้รับยา

 

๏เพียงย่างก้าวร้าวระทมพรหมลิขิต

นำชีวิตผิดพลาดปรารถนา

ความประมาทพลั้งเผลอพาเธอลา

อนิจจาตระหนักได้ก็สายเกิน

 

๏ต้องซมซานกลางไพรไม่พบหน้า

อิ่มน้ำตาแผลเก่าเฝ้าขัดเขิน

จนทำใจสู้ความจริงสิ่งเผชิญ

จึงเลือกเดินทางใหม่หมายสิ่งดี

 

๏มุ่งสอนคนสร้างสรรค์การป่าไม้

ทุ่มทำไปด้วยใจรักก่อศักดิ์ศรี

ยึดหลักการมั่นไว้นานหลายปี

จวบวันนี้สบตาได้ไม่อายใคร

 

๏ยามพบเธอแค่ยิ้มให้สายใยนี้

คือไมตรีที่ห่วงหาคนป่าไม้

ส่วนอ้อมกอดที่ละเมอเผลอคิดไป

สงวนไว้ให้จอมขวัญที่บ้านแทน

.ครูนิด วนศาสตร์(ชมรมสีเสียดแก่น)

www.lookforest.com

แรงดลใจ:

ต้องยอมรับว่าในชีวิตที่ผ่านมายาวนานจนเกือบถึงวัยบวร ได้เผชิญกับหลากรสชาติที่บางครั้งมันช่างแตกต่างกันอย่างเหลือเกิน คิดว่ามนุษย์ทุกคนคงไม่แตกต่างกันมากนัก หากแบ่งรสชาติออกเป็นแค่ 2 ด้าน คือ สุขและทุกข์ พบว่าตัวเองมีความสุขอยู่มากๆเพียงไม่กี่ครั้ง ที่สุดยอดมากก็คือได้เห็นประกายตาแห่งความสุขของพ่อและแม่ ที่แสดงออกมาคราวถ่ายภาพหลังจากเสร็จพิธีบวชเป็นพระให้ท่าน ต่อมาเห็นจะเป็นวินาทีแรกที่ได้เห็นลูกชายโทนที่ลืมตาดูโลกใบนี้ แล้วก็เป็นพวกวันงานสำคัญๆ เช่นวันรับปริญญาในระดับต่างๆ วันรับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ วันแต่งงาน(ที่ภายหลังเรียกว่าวันสูญเสียอิสรภาพครั้งใหญ่หลวง) แต่ความสุขดังกล่าวค่อนข้างมาเร็วไปเร็ว โดยเฉพาะวันที่มีการดื่ม(น้ำเปลี่ยนนิสัย)ฉลองกันด้วย เพราะยามตื่นมาต้องปวดหัวแทบตายเกือบทุกครั้ง อาจเป็นเพราะสวาปามมากเกินไปด้วยเป็นของชอบ(ในขณะนั้น)

            ส่วนรสชาติของความทุกข์นั้น หากเทียบกับความสุขแล้ว พบว่าตัวเองได้เผชิญมามากกว่าหลายเท่าตัว ทั้งจำนวน ระดับและความยาวนานของรสชาติ เชื่อว่าหลายคนคงมีสภาพที่ไม่แตกต่างกัน หากไม่เชื่อก็ลองทบทวนดู คิดว่าส่วนหนึ่งน่าเป็นไปตามกฎแห่งกรรม ที่มนุษย์ต้องเกิดมาเผชิญ เพียงแต่ว่าใครจะมีความสามารถในการดับทุกข์ได้มากน้อยเพียงใด ก็เป็นการทำให้ทุกข์น้อยลง หรือหมดทุกข์ไปเลยที่น้อยคนยากจะทำได้ ตัวอย่างที่ชัดเจนคือพระพุทธเจ้า ซึ่งได้สละชีวิตทางโลกที่เพียบพร้อมด้วยทรัพย์ศฤงคาร ออกบวชแสวงหาความจริงของชีวิต จนตรัสรู้ในอริยสัจ 4 คือ ทุกข์ สมุทัย นิโรธและมรรค ซึ่งต้องใช้ความเพียรและมุ่งมั่นเป็นอย่างมาก หากใครทำได้ก็น่าจะมีความสุขอย่างแท้จริง  ทั้งนี้ที่ผ่านมาก็มีความเชื่อกันว่าพระเกจิอาจารย์หลายท่านได้ปฏิบัติตามจนสำเร็จได้เช่นกัน หรือที่เรียกว่าพระอรหันต์นั่นเอง

            อย่างไรก็ตาม แม้การดับทุกข์ทั้งหมดเป็นเรื่องยากสำหรับปุถุชนทั่วไป แต่เราก็สามารถทุเลาทุกข์บางส่วนลงได้ด้วยตัวเอง หากลองใช้วิจารณญาณในการพิจารณาต้นเหตุและแสวงหาทางออกที่เหมาะสม เพียงแต่บางครั้งต้องกล้าเผชิญกับความเป็นจริงแล้วต่อสู้กับมัน ระยะแรกอาจเจ็บปวดมากขึ้นอยู่บ้าง  แต่เมื่อเจอช่องทางที่เหมาะสมแล้ว เหตุการณ์ต่างๆจะค่อยๆคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น ซึ่งบางทุกข์อาจต้องใช้ความพยายามและเวลาที่ยาวนาน ก็อย่าไปท้อถอยกับมัน จนเมื่อถึงวันที่พิชิตทุกข์นั้นได้ จึงได้พบว่าโลกนี้มีความสว่างไสวอย่างเหลือเกิน สำหรับทุกข์ในบางด้านที่อาจลุ่มลึกและซับซ้อน อาจต้องปรึกษากับบางคนที่มีประสบการณ์เพื่อให้คำแนะนำ จึงทำให้มีหนทางในการผ่อนคลายหรือดับทุกข์ได้ง่ายมากขึ้น เพียงแต่ต้องเลือกที่ปรึกษาที่เหมาะสมในแต่ละเรื่องให้ดี มิฉะนั้นอาจทำให้ทุกข์เพิ่มมากขึ้นก็ได้


Last updated: 2018-04-18 16:11:34


@ อ้อมกอดป่าไม้(เก่า)
 


 
     
เชิญท่านเป็นบุคคลแรกที่แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับบทความ อ้อมกอดป่าไม้(เก่า)
 
     
     
   
     
Untitled Document
 



LFG
www.lookforest.com|บทความ|โปรแกรมคาร์บอนต้นไม้|ฐานข้อมูลชีวภาพ|เครือข่ายฟาร์มป่าไม้|ติดต่อบรรณาธิการ
Powered by: LOOK FOREST GROUP
23/1 ซอยรัชดาภิเษก 64 แขวงบางซื่อ เขตบางซื่อ กทม.
Clicks: 
804

Your IP-Address: 3.129.211.87/ Users: 
803