จงยินดีที่เป็นผู้ให้ มากกว่าจะเป็นผู้รับ
 
     
 
หนุ่มไพรพร่ำเพ้อ เพรียกเธอคืนถิ่น
ชะตาชีวิตคนมักมีโอกาสพลิกผันได้เสมอ มีทั้งเปลี่ยนไปในทางบวกและลบที่ไม่สามารถเลือกหรือกำหนดเองได้ ด้วยเงื่อนไขชีวิตมักมีคนอื่นเข้ามายุ่งเกี่ยวด้วยเสมอ
 

 

•แสนคิดถึงใครเท่าเจ้ากระถิน

เธอละถิ่นลาฐานลืมบ้านทุ่ง

ทิ้งบ้านเกิดบางเก่าเป็นสาวกรุง

ไกลพ่อลุงพี่หลานแม่ท่านรอ

•เรียมเดียวดายดูดาวเหงาดึกดื่น

ด้วยขมขื่นขานคำพร่ำร้องขอ

ครวญเพรียกน้องคืนพนามาพะนอ

แนบเคลียคลอเคียงข้างสมดั่งคอย

•เคยเกี่ยวก้อยกอดเกยเชยแก้มกลิ่น

กายพลีสิ้นเพื่อสาวดาวพร้อมสอย

ซ้ำยามกินอยู่ใกล้เอาใจกลอย

การมากน้อยไม่นำมาช้ำนวล

•หน่ายเหลือเหลืองลมแล้งแสงโรยล้ำ

ระคนเศร้าเคล้าโศกซ้ำสุดกำสรวล

สายลมโชยแรกเช้าเราเคยชวน

ชมขบวนคู่บ้านสงกรานต์บุญ

•บ่ายสรงพระสืบพรพาพรักพร้อม

พลันจิตน้อมใจนำย้ำเกื้อหนุน

น้ำสาดเล่นสุขล้ำฉ่ำการุณย์

โลมแม่คุณหมายคำยามค่ำคืน

•คราวยามนี้อยู่ไหนกับใครนั่น

เหนี่ยวพี่ฝันฟูมฟายให้สุดฝืน

ฟังนกเกี้ยวแนบกันพลันกล้ำกลืน

กลายขมขื่นขลาดคบพบเคียงใคร

•คงแน่งน้องเนื้อนวลนางหน่ายหนี

น่าคิดมีคู่หมายมุ่งชายใหม่

ไม่รับโทรเรียมทุกข์ถอนฤทัย

ทิ้งคนไพรครวญพร่ำขาดนำพา

•เพียงกระถินเกิดท้อเกินทานทน

เธอมีคนมั่นคอยแม้ด้อยค่า

คราเจ้าตรมจักตามซับน้ำตา

เตือนกานดากลับแดนดินถิ่นไพรเดิม

•ครูนิด วนศาสตร์(ชมรมสีเสียดแก่น)

www.lookforest.com

แรงดลใจ:

สงกรานต์ทีไรมีวันหยุดยาว ที่ชาวมนุษย์เงินเดือนได้เฮกัน เพราะได้โอกาสพักผ่อนไปด้วย แต่ก็ให้อดคิดถึงอดีตสมัยเรียนและทำงานป่าไม้ไม่ได้  ชะตาชีวิตคนมักมีโอกาสพลิกผันได้เสมอ มีทั้งเปลี่ยนไปในทางบวกและลบที่ไม่สามารถเลือกหรือกำหนดเองได้ ด้วยเงื่อนไขชีวิตมักมีคนอื่นเข้ามายุ่งเกี่ยวด้วยเสมอ(บางคนมองว่าเป็นเวรกรรมที่เคยทำมาในอดีต) โดยเฉพาะความรักของหนุ่มสาว ที่บางคนประสบสุขสมหวัง แต่บางคนก็ตรงกันข้ามราวฟ้ากับเหว(นรก) ในกรณีหลังสำหรับคนที่ทำใจไม่ได้ อาจทำให้เส้นทางชีวิตของตนเองก้าวเข้าสู่มุมมืด ซึ่งจะมืดมากหรือน้อย และยาวหรือสั้นขนาดไหน ย่อมขึ้นอยู่กับจิตของแต่ละคน บางคนทำร้ายตัวเองหรืออาจตกอยู่ในภวังค์ของความผิดหวังตลอดชีวิตก็มี(เขาว่ากันอย่างนั้น )

พยายามเอาบางความรู้สึกที่ตัวเองเคยประสบมาถ่ายทอดเป็นบทกลอน โดยสอดแทรกบางมุมมองให้เข้ากับบริบทหรือสถานการณ์ในช่วงสงกรานต์ปัจจุบัน บทนี้อาจไม่ค่อยมีสาระที่สะท้อนความเป็นแก่นสารของการสร้างสรรค์ต่องานป่าไม้ แต่พยายามทุ่มเทในการใช้ถ้อยคำและภาษาที่ตัวเองคิดว่าไพเราะและงดงามเป็นอย่างมาก คิดว่าเป็นกลอนที่เขียนยากกว่าบทอื่นทั้งหมดที่เคยทำมา อาจเป็นเพราะไม่ได้ร่ำเรียนมาทางภาษาศาสตร์ (ตามที่ออกตัวอยู่เสมอว่าจบมาทางด้านวนศาสตร์) ดังนั้นจึงยินดีน้อมรับคำวิจารณ์ทั้งหมด เพื่อนำไปประกอบการปรับปรุงการสร้างสรรค์งานในโอกาสต่อๆไป ทั้งนี้รู้สึกมีความสุขเป็นอย่างมากหากมีคนได้อ่านงานที่เขียน แล้วมีการสะท้อนออกมาทั้งที่เป็นดอกไม้และกระถาง(แม้มีขนาดใหญ่ก็ตาม)

เขียนกลอนบทนี้จากเป็นผลสืบเนื่องจากการอ่านหนังสือศิริวิบุลกิตติ์ ที่เป็นการรวบรวมวรรณกรรมในลักษณะกลอนกลบท ที่ประพันธ์โดยหลวงศรีปรีชา(เซ่ง) ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย  ซึ่งอ่านแล้วรู้สึกทึ่งในความสามารถของท่านที่เขียนกลอนกลบทต่างๆ ไว้ถึง 86 กลบท ซึ่งน่าจะเป็นสุดยอดของนักแต่งกลอนของเมืองไทยคนหนึ่งก็สามารถกล่าวได้ เพราะมีความไพเราะในหลายรูปแบบ  ผู้ที่ชอบทางด้านกาพย์กลอน ควรหามาอ่านประเทืองสมองเป็นอย่างยิ่ง หนังสือดังกล่าวเคยได้รับการตีพิมพ์เป็นครั้งแรกในปี พ.ศ.2457 และได้มีการนำมาจัดพิมพ์อีกหลายครั้ง ทั้งนี้ขอขอบพระคุณมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราชที่ได้ตระหนักถึงความสำคัญ ต่อวรรณกรรมของหลวงปรีชา (เซ่ง)นี้ จึงได้นำมาจัดพิมพ์เผยแพร่ใหม่อีกครั้งในปี พ.ศ.2552  

 


Last updated: 2017-04-14 07:51:23


@ หนุ่มไพรพร่ำเพ้อ เพรียกเธอคืนถิ่น
 


 
     
เชิญท่านเป็นบุคคลแรกที่แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับบทความ หนุ่มไพรพร่ำเพ้อ เพรียกเธอคืนถิ่น
 
     
     
   
     
Untitled Document
 



LFG
www.lookforest.com|บทความ|โปรแกรมคาร์บอนต้นไม้|ฐานข้อมูลชีวภาพ|เครือข่ายฟาร์มป่าไม้|ติดต่อบรรณาธิการ
Powered by: LOOK FOREST GROUP
23/1 ซอยรัชดาภิเษก 64 แขวงบางซื่อ เขตบางซื่อ กทม.
Clicks: 
954

Your IP-Address: 18.217.144.32/ Users: 
953