การหนีปัญหาเป็นสิ่งที่ดี แต่การเผชิญหน้ากับมันย่อมดีกว่า
 
     
 
บุกถ้ำเสือ ตอน ๒ แผนล่าตำแหน่ง
พวกเราเริ่มทำงานน้อยลงต่างคนต่างหาเวลาเป็นของตัวเองเพื่อเพิ่มพูนความรู้ประจุไว้ในสมองให้มากที่สุด
 

                วันนั้นเป็นวันอะไร  วันที่เท่าไหร่ข้าพเจ้าจำไม่ได้  จำได้แต่ว่าพวกเราทุกคนได้รับข่าวดีว่ากรมฯมีการเปิดสอบนักวิชาการป่าไม้ตรี  ทำให้ทุกคนที่หงอยเริ่มเหมือนกับต้นไม้ที่ได้รับฝน  แรกใบที่เคยแห้งเหี่ยวเริ่มเบ่งบาน.......ทำไมจะไม่ดีใจ  ยิ่งกว่าฟางเส้นสุดท้ายในลำน้ำเสียอีก  มีลุ้นแล้วข่าวเริ่มแพร่ออกไปอย่างรวดเร็วยิ่งกว่าลมไซโคลน.......น้ำฝนหยาดสุดท้ายจริง ๆ พวกเราทุคนเกือบหมดหวังและหมดแรงกันแล้วพระเจ้าช่วย........!

                “เทพ  สูตร  เราไปดูประกาศกันเถอะว่าเขาสอบวิชาอะไรบ้าง”

                ข้าพเจ้ารีบชวนเพื่อนที่ทำงานด้วยกัน  4-5  คน  ไปดูประกาศแล้วก็จดสาระสำคัญอันเป็นประโยชน์เพื่อที่จะได้ไปเตรียมตัวเตรียมใจและเตรียมตำรา  เพื่อลงสนามแห่งความเป็นความตาย.......เพื่อความอยู่รอด

                พวกเราเริ่มทำงานน้อยลงต่างคนต่างหาเวลาเป็นของตัวเองเพื่อเพิ่มพูนความรู้ประจุไว้ในสมองให้มากที่สุด  สำหรับข้าพเจ้านั้นขอเรียนต่อทุก ๆ ท่านเลยว่าในสมัยเรียนไม่ได้ใส่ใจในการเรียนนัก  เกรดก็แย่กว่าทุกคนเพราะมัวแต่ไปสนุกกับงานกิจกรรมเสียมากกว่า  งวดนี้เลยต้องเตรียมตัวหนักกว่าเพื่อนหน่อย  ข้าพเจ้าขลุกอยู่ในห้องสมุดในวันหนึ่งนานพอสมควร  สำหรับเพื่อนสุเทพ  เพื่อนวิสูตร  เพื่อนรัช  นั้นแต่ละคนพอตัวอยู่แล้ว  สำหรับเพื่อนสุเทพตอนจบขนาดไม่ได้ทุ่มเทเท่าไรยังคว้าเกรดมาดูเล่น  ตั้ง  3.18  เฉียดเกียรตินิยมอันดับสองไปนิดเดียว  หลังจากนั้นไม่นานการสอบก็เสร็จสิ้นลง  ผู้สมัครสอบมีทั้งรุ่นพี่รวมอยู่ด้วย  สอบผ่านข้อกำหนดของกรมรวมร้อยกว่าคนได้บรรจุในรอบแรกไปประมาณ  70-80  คน  การบรรจุในครั้งนั้นมีรุ่นเราได้บรรจุรวมไปด้วย  35  คน  โดยบรรจุจากหมายเลขตามลำดับ  เท่าที่จำได้ในรอบแรกนี้  ได้แยกเพื่อนน้ำมิตรของเราสมาชิกห้องสมุดไปมี  สุเทพ  ไปอยู่เขตเชียงใหม่  วิสูตร  ไปอยู่เขตลำปาง  คงเหลือข้าพเจ้า  ไพรัช  นันทศักดิ์ (ฝิ่น)  ยังต้องเฝ้ากองแผนงานอยู่ต่อไปรอรอบสองถ้ามีตำแหน่งแต่เลือนรางเต็มที่  สำหรับเพื่อน ๆ ที่บรรจุไปก่อนที่ไม่ได้เอ่ยนามมา    ที่นี้ก็ต้องขอพระอภัยมณี  ทุกคนที่บรรจุไปก่อนจะบรรจุในตำแหน่ง  “นักวิชาการป่าไม้ตรี”  ซึ่งจะได้กล่าวต่อไปว่ารุ่นต่อไปทำไมจึงบรรจุในตำแหน่งพนักงานป่าไม้ตรี  มันเป็นตำนานที่พวกเราน้อยคนนักจะรู้เรื่องจริง  ข้าพเจ้าจะเก็บมันไว้กับตัวไปจนวันตายเห็นจะไม่ได้จำเป็นจะต้องเล่าแจ้งแถลงไขให้เพื่อน ๆ ได้รู้ความจริงว่ามีเพื่อน ๆ ที่เป็นหัวหมู่ทะลวงฟันจนได้ตำแหน่งมามันยากเข็ญเพียงใดเพื่อเตือนสติตนเองไว้ว่ากว่าเราจะได้สิ่งนี้มา  และมายืน    จุดนี้ได้อย่างอหังการนั้นเราฝ่าอุปสรรคอะไรมาบ้าง  สามัคคีคือพลังจริงเท็จแค่ไหน.......จุดรวมของพวกเราเหล่าบรรดาตกงานทั้งหลายจะอยู่ที่บ้านป้าเมี้ยน  นิวาสถานเป็นบ้านไม้สองชั้นเก่า ๆ แบ่งเป็นห้องให้พวกเราเช่าคนที่เช่าเท่าที่จำได้ก็คือเพื่อนสุทัศน์  จูงพงศ์  ปัจจุบันเสียชีวิตแล้ว  ขอให้วิญญาณของเพื่อนจงไปสู่สุคติเกิดในฐานะหนึ่งในฮีโร่ของเรา  เราจะไม่ลืมเลยที่สถานที่ของเพื่อนจะเป็นกองบัญชาการให้พวกเราได้วางแผนตลอดจนได้พักยามเหนื่อยมา  บ้านของป้าเมี้ยนอยู่ในซอย  ร.ส.พ.  ถนนพหลโยธินคิดว่าบรรดานักสู้ผู้กล้าทั้งหลายคงจำกันได้ดี......  ข้าพเจ้า,  ไพรัช,  นิรันดร์,  ลอยชื่น  และเพื่อนอีก  2-3  คน  ได้ตกลงกันว่าจะรวมตัวกันไปถามที่กองการเจ้าหน้าที่ว่าเรื่องตำแหน่งของพวกเรามีความเคลื่อนไหวไปถึงไหนแล้ว............?

                พอวันรุ่งขึ้นพวกเราอันมีข้าพเจ้าขอตั้งตัวเป็นแกนนำหวังว่าเพื่อนคงไม่ว่า  และหน่วยกล้าตาย  2-3  คนหลังดังได้กล่าวมาแล้ว  รวมกับพรรคพวกเท่าที่ระดมได้ประมาณ  20-30  คน  ช่วงนั้นเป็นช่วงที่พวกต่างจังหวัดเดินทางเข้ากรมฯกันมาก  นำขบวนโดยพ่อเล้าเชาวลิต  เลิศชยันตี  ระดมพลทั้งกองหน้ากองหลังพากันเดินพาเรดไปยืนออกันที่หน้าห้องกองการเจ้าหน้าที่  โดยขอพบหัวหน้ากอง  ได้รับคำตอบว่าหัวหน้าไม่อยู่....พวกเราเลยมีมติว่าพบใครก็ได้ที่รักษาการแทน  ได้รับคำตอบว่า  คุณเทวาอยู่  เราเลยขอนำตัวแทนเข้าพบเพียง  2-3  คน  อันได้แก่ข้าพเจ้า,  ไพรัช,  นิรันดร์,  ลอยชื่น......

                “พวกคุณมีธุระอะไรที่จะพบหัวหน้า  ท่านไม่อยู่ไปประชุม”

                ท่านเทวา  รักษาการยิงคำถามใส่พวกเราทันที  และดูจะมีสีหน้าไม่ใคร่จะพอใจนัก

                “ผมอยากจะมาเรียนถามท่านว่า  ทางกองการเจ้าหน้าที่ได้ขออัตรากำลังไปยัง ก.พ.  แล้วหรือยัง  เพราะระยะเวลามันเนิ่นนานมาแล้ว  พวกผมตกงาน  ถึงแม้กรมฯจะรับเป็นลูกจ้าง  แต่พวกเรากว่าจะได้เงินเดือนก็เกือบหกเดือนครั้ง  สร้างความเดือดร้อนให้กับครอบครัวมาก”

                ข้าพเจ้าได้ทีรีบรายงานความลำบากยากเข็ญโดยพยายามบรรยายให้มีความหน้าสงสารเพื่อเรียกร้องความเห็นใจ  แต่ความจริงมันก็เป็นเช่นนั้น  บางคนถึงกับไปช้อนลูกน้ำขายเสริมรายได้ก็มี

                “ผมขอแจ้งให้กับพวกเราทราบว่า  ทางกรมฯไม่ได้มีข้อตกลงกับทบวงมหาวิทยาลัยว่าเมื่อบัณฑิตที่จบจากมหาวิทยาลัยแล้วจะต้องรับเข้าทำงานที่กรมป่าไม้หมด  ไม่เหมือนกับนักศึกษาจากโรงเรียนป่าไม้แพร่  ซึ่งเป็นโรงเรียนในสังกัดกรมฯ  เราจะขอตำแหน่งสำรองไว้ให้เลยเมื่อจบมาแล้วก็บรรจุได้ทันที  ซึ่งขณะนี่เรามีโค้วต้าเหลือประมาณ  200  อัตรา  สำหรับพวกคุณเราจะพิจารณาตามความจำเป็นหากกรมขาดอัตรากำลังทางด้านวิชาการเราจะขอไป  และก็แล้วแต่ว่า  ก.พ.  จะอนุมัติให้กี่อัตรา”

                ยังไม่ทันที่คุณเทวา  จะพูดจบ  ข้าพเจ้ารีบสวนไปทันที

                “แล้วตำแหน่งนักวิชาการป่าไม้  ขณะนี้กรมฯได้ขอไปแล้วหรือยัง  และขอไปเท่าใด”

                คุณเทวา  พอได้รับคำถามแทงใจดำ  สีหน้าบอกบุญไม่รับ  และตอบแบบไม่เต็มเสียงนักว่า..........

                “รู้สึกว่าเราจะทำเรื่องขอไปและขอทุกปีด้วย”

                ว่าแล้วคุณเทวาก็หันไปข้างหลังเรียกคุณเร  ซึ่งรับผิดชอบเรื่องนี้มาถาม  คุณเร  ชื่อจริงว่าเรไร  เป็นสุภาพสัตรีวัยกลางคนรีบมานั่งแล้วเริ่มสาธยายกิจกรรมทั้งหลายให้พวกเราฟัง

                “ตำแหน่งพวกเราพี่ทำเรื่องขอไปทุกปี  ปีละหลายอัตรา  แต่ ก.พ. ไม่อนุมัติพี่ก็ไม่รู้จะช่วยอย่างไร”

                มันเป็นคำตอบสุดท้ายและคำตอบเดียวที่พวกเราทุกคนไม่ว่าใครก็ตามถ้าเข้าไปถามคุณเร  จะได้คำตอบเป็นคำตอบคำนี้เท่านั้น  หากเล่นเกมเศรษฐีในปัจจุบันคงคว้าเงินล้านไปได้ไม่ยากนัก.....

                ข้าพเจ้าได้นำคำตอบมาบอกเล่าให้พวกเราที่รออยู่ข้างนอกทราบ  เพื่อนบางคนเพิ่งกลับจากการตีสนุกเกอร์ข้างกรมฯ  มาทันพลอยได้รับข่าวไม่สบอารมณ์ไปด้วย...............

                “พวกเรากลับบ้านป้าตั้งหลักกันใหม่ว่าจะเอาอย่างไรดี”ง         

                ข้าพเจ้าส่งเสียงบอกพวกเราที่ว่าง ๆ ให้ไปรวมกันเพื่อยุทธศาสตร์ขั้นต่อไป  ปรากฏว่าได้สมัครพรรคพวกแนวร่วมประมาณ  7-8  คน  ตกเย็นพอดี  เลยหาเสบียงอาหารมาเลี้ยงกันตามมีตามเกิด  นั่งล้อมวงสนทนาเพื่อนเชาวลิต  เลิศชยันตี  ผู้มีเสียงดังฟังชัด  วันนี้เหมือนมวยถูกต่อยท้องขาตาย  แขนตก  เกือบถูกน็อกดีแต่ตีกรรเชียงรอบเวทีเอาตัวรอดมาได้เริ่มโวยต่อ

                “เฮ้ย !  ทศ  เราได้ความคิดใหม่แล้ว  ระดมพวกเราให้ได้มากที่สุดพากันเดินขบวนไปพบหัวหน้ากองให้ได้  ขอคำตอบที่ชัดเจนและแน่นอนจะดีกว่า”

                แล้วเราจะระดมพลพวกเราอย่างไรจึงจะได้มากที่สุด  เพราะพวกเราต่างแตกแยกไปทำงานต่างจังหวัดก็ไม่น้อย”

                ข้าพเจ้าสร้างปุจฉาขึ้นมาทันที

                “เรามีเพื่อนเป็นนักหนังสือพิมพ์อยู่หลายคนและหลายฉบับ  จะไปขอร้องให้ช่วยลงเรียกพวกเรามารวมกันที่กรมฯ  ให้ได้มากที่สุดเพราะอาจจะเกิดพลังเพิ่มขึ้นบ้าง”

                “เอาไงเอากัน  เราต้องลงมือทำอะไรสักอย่างแล้วจะมามัวงอมืองอเท้าอยู่ไม่ได้มันเป็นอนาคตของเราทั้งชีวิตทีเดียว”

                ข้าพเจ้ารีบสนับสนุนเพื่อนเชาวลิตทันที

                วันนั้นมันเป็นวันที่เท่าไหร่ไม่ทราบ  ข้าพเจ้าไม่ได้ทันทึกมันไว้  หนังสือพิมพ์จำนวนถึง  3  ฉบับต่างลงข้อความในหน้าที่ 4 กรอบขวาด้านล่างสี่เหลี่ยมขนาด  2  คูณ  2  นิ้ว  ว่า.........

                “วน.34  ทุกคนพบกันที่หน้าห้องกองการเจ้าหน้าที่วันที่.....เวลา.....”

                เมื่อถึงวันตามที่กำหนดการปรากฏว่ามีพวกเราให้ความร่วมมือกันมากประมาณ  30-40  คน  พากันเดินจากหน้าตึกไปยังกองการเจ้าหน้าที่ทำให้กรมป่าไม้ในช่วงเวลานั้นวิกฤตพอสมควร..........แต่พอพวกเราไปถึงหน้าห้องกองการเจ้าหน้าที่ทำให้ต้องมีอันเป็นงงไปทันที.....เพราะประตูห้องกองการเจ้าหน้าที่ปิดสนิทใส่กุญแจภายในเรียบร้อยทั้ง ๆ ที่วันนั้นเป็นวันราชการ  เจ้าหน้าที่ทุกคนหยุดทำงานหมดเพราะเกรงกลัวพวกเราจะไปกระทำการอันมิควร  และในช่วงเวลานั้นมันเป็นเดือนที่เพิ่งผ่านพ้น  16  ตุลาวิปโยคมาใหม่ ๆ พวกเราพอไม่พบเจ้าหน้าที่ก็ล่าถอยตามระเบียบเพราะทำอะไรไม่ได้  เราเพียงแต่ต้องการเจรจาเท่านั้น  มิได้คิดเป็นอื่นแต่ทางกองคิดกลัวกันไปเอง.....เมื่อแผนนี้ไม่สำเร็จเราจึงมาปรึกษาหารือกันใหม่ได้ความคิดออกมาว่าเมื่อเราขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานของไม่ได้ทำไมไม่ลองไปที่  ก.พ.  ดูอาจจะมีทางที่ดีก็ได้  พอได้มติแล้วพวกเราขออาสาสมัครที่จะไปสำนักงานข้าราชการพลเรือน  ก.พ.  รวบรวมสมัครพรรคพวกได้ประมาณ  8-10  คน  บางคนก็ไปรถเมล์  สำหรับข้าพเจ้านั้นได้ไปกับเพื่อนนิรันดร์  ลอยชื่น  เพราะเพื่อนเอารถส่วนตัวมารถเต่าคันนี้แหละที่เป็นยานพาหนะแห่งความสำเร็จในเวลาต่อมา  พวกเรา  5  คน  อัดกันไปกับเจ้าเต่าทองคะนองฤทธิ์คันนี้  เมื่อถึงสำนักงานก.พ.  ข้าพเจ้าและเพื่อนไพรัช,นิรันดร์  รีบพากันขึ้นไปบนชั้นสองของสำนักงาน  หลังจากที่ได้ทราบจากเจ้าหน้าที่ชั้นล่างว่าผู้ที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับตำแหน่งของพวกเราอยู่ชั้นบน  เมื่อสอบถามเจ้าหน้าที่ได้ความว่าท่านชื่อ ดร.วิลาศ  ต้องขอประทานโทษที่จำนามสกุลท่านไม่ได้  ท่านเป็นหัวหน้ากองตำแหน่งและอัตราเงินเดือน  เมื่อได้ข้อมูลเป็นที่พอใจแล้วเรารีบติดต่อหน้าห้องท่านทันทีว่า  นิสิตวนศาสตร์ขอพบท่าน  สักครู่หน้าห้องออกมาแจ้งว่าให้ไปรอที่ห้องรับแขก  พวกเราจึงพากันไปโดยส่งตัวแทนเพียง  4  คน  เท่านั้น  และแล้วเราก็พบกับชายหนุ่ม  จะเรียกว่าใกล้หนุ่มใหญ่ก็คงจะไม่ผิด  อายุคงจะมากกว่าเรา  7-8  ปี  หวีผมเรียบร้อยสวมเสื้อแขนยาวสีขาวผูกเน็คไทค์เรียบร้อยเดินเข้ามานั่งที่เบาะตอนหน้าของพวกเราแล้วก็เริ่มสอบถามพวกเราทันที........

                “น้อง ๆ มีธุระอะไรกับผมหรือ”

                ท่าทางการนั่งการสอบถามเป็นไปด้วยความกรุณา  มิได้แสดงตนว่ามีอำนาจหรือข่มผู้อื่นแต่ประการใด  ข้าพเจ้าเห็นพวกเราหันมามองหน้ากันเหมือนส่งซิกน์ว่าใครควรจะเป็นผู้กล่าวแจ้งแถลงไข  ทุกคนมองมาที่ข้าพเจ้า  ทำให้ทราบว่าหน้าที่นี้เป็นของเราแน่จึงไม่รอช้า..........

                “ก่อนอื่นผมขอรายงานตัวก่อนว่าพวกเราเป็นนิสิตคณะวนศาสตร์  จบการศึกษาตั้งแต่ปี  2515  ปัจจุบันเป็นลูกจ้างกรมป่าไม้  พวกเราได้สอบขึ้นทะเบียนไว้เรียบร้อยแล้ว  และก็รอการบรรจุมาเป็นปีแล้ว  ทุกคนเดือดร้อนเพราะต้องขอเงินทางบ้านใช้อยู่  สอบถามที่กองการเจ้าหน้าที่ของกรมป่าไม้หลายครั้งหลายคราแล้ว  เราจะได้แต่คำตอบว่า ก.พ.ไม่อนุมัติตำแหน่งนักวิชาการให้เลย  ไม่สามารถบรรจุพวกเราได้                                 พวกเรามีข้อข้องใจอยากทราบและขอความกรุณาท่านด้วยว่าทางก.พ.มีความคิดอย่างไร”

                พอสิ้นเสียงของข้าพเจ้า  ท่านหัวหน้ากองเริ่มมีสีหน้าแดงขึ้น  อาการเหมือนคนกำลังมีโทษะแต่ระงับไว้ด้วยสติของนักบริหารระดับมือโปร......

                “น้อง ๆ เข้าใจกันผิดไปใหญ่แล้ว  ก.พ.ไม่ได้กักอัตรากำลังของกรมกองใดไว้  สำหรับตำแหน่งของน้องนั้น  กรมป่าไม้ไม่เคยขอตำแหน่งนักวิชาการมาเลย  ทางเราก็เลยไม่รู้จะพิจารณาส่งไปให้อย่างไร”

                สิ้นเสียงของดร.วิลาศ  ความเงียบเริ่มเข้ามาปกคลุมภายในห้องแม้แต่เข็มสักเล่มตก  คงจะได้ยินกันทั่วหน้า  สงบจริง ๆ ......  แต่มันเป็นเพียงอึดใจหนึ่งเท่านั้นต่อมาได้ยินเสียงพึมพำต่างคนต่างเปล่งเสียงจนฟังไม่ได้ศัพท์.....  ข้าพเจ้าตกตลึงไปชั่วขณะนึกแล้วทีเดียวว่าจะต้องมีอะไรสักอย่างหนึ่งเป็นแน่.....  ใครพูดความจริงใครโกหกกันแน่  ข้าพเจ้าเริ่มสับสนแล้วและเพื่อไม่ให้เสียมารยาทจึงบอกให้พวกเราหยุดวิภาควิจารณ์กันชั่วคราวก่อน  แล้วเริ่มต้นสอบถามหาข้อมูลต่าง ๆ เท่าที่ใจอยากรู้....มันไม่มีประโยชน์อันใดที่จะมาคาดคั้นเอาความจริงจากใคร  ต้องมีขบวนการอะไรสักอย่างที่มันผิดพลาด  ในใจนึกกลับไปตั้งหลักที่กองบัญชาการก่อนดีกว่า  ว่าแล้วก็ขออำลาท่านโดยหยอดความหวังไว้ว่าจะมาพบท่านอีก  ท่านก็ใจดีตอบตกลงยินดีให้ความช่วยเหลือหากช่วยได้......

                พอกลับมาถึงกองบัญชาการบ้านป้าเมี้ยนจึงได้เริ่มคลี่ปมปริศนาทันที

                “มันยังไงแล้วละพรรคพวก  ไปกรมฯก็บอกว่าก.พ.ไม่อนุมัติตำแหน่ง  ไปก.พ.ก็บอกว่ากรมฯไม่เคยขอไป”

                ปริศนานี้เพื่อนเชาวลิตเป็นผู้จุดประกายประเด็นปัญหาขึ้นมา

                “เราว่ากรมป่าไม้น่าจะไม่ได้ขอไปจริง ๆ ก็เป็นได้”  เพื่อนไพรัชผู้ซึ่งไปถามกองการเจ้าหน้าที่บ่อยกว่าเพื่อนเริ่มวิเคราะห์ปัญหาทันที  คงจะเอือมกรมฯเต็มทน

                “แล้วมีเหตุผลอะไรที่ก.พ.จะไม่อนุมัติตำแหน่ง  เพราะก.พ.มีหน้าที่อยู่แล้ว  และกรมฯเราก็ขาดอัตรากำลังในตอนนี้”  เพื่อนแขก  นิรันดร์  เริ่มวิเคราะห์ปัญหาบ้าง

                “แต่เราไปถามพี่เรที่กรม  พี่เธอก็ยันกระต่ายขาเดียวว่า  ก.พ.ไม่ให้มาแต่ก็น่าสงสัยเหมือนกันนะเราไม่เคยขอดูหนังสือขอตำแหน่งกรมป่าไม้จากพี่เรเลยสักครั้งเดียว”

                ข้าพเจ้าเริ่มตั้งข้อสังเกตและให้เหตุผลไปบ้าง........ทันใดนั้นเองข้าพเจ้าเริ่มได้คิดว่า  ที่เราไปหาข้อมูลมานี้เป็นการไปคนละครั้ง  ถามคนละที  ข้อมูลย่อมคลาดเคลื่อน  ถ้าเราสามารถจับสองท่านนี้มานั่งพบกันต่อหน้าพวกเราได้  ความจริงทั้งหมดน่าจะกระจ่างเป็นแน่  พอคิดได้เท่านั้นเริ่มเสนอแผนการให้พรรคพวกฟัง  ทุกคนต่างเห็นพ้องต้องกัน.......ปฏิบัติการณ์เริ่มทันที

                วันนี้ข้าพเจ้าตื่นเช้าเป็นพิเศษทั้ง ๆ ที่เมื่อคืนนอนดึก  เนื่องจากจิตยังตัดหรือแก้ปัญหาไม่ตก  ตื่นเช้าแทนที่จะสดชื่นกลับมึนงง  วันนี้นัดเพื่อน ๆ ไว้ที่กรม  รีบแต่งตัวออกมายืนรอรถเมล์  ข้าพเจ้าพักอยู่กับพี่ชายที่บางกะปิ  จึงจำเป็นต้องตื่นเช้าและต้องต่อรถ  2  ต่อ  ถนนลาดพร้าวในสมัยนั้นแย่เอามาก ๆ รถก็ติดทำให้อารมณ์หงุดหงิดง่าย  เมื่อถึงกรมฯเกินเข้ากรมฯก่อนขึ้นบันไดกรมไม่วายที่จะต้องยกมือไหว้อนุสาวรีย์เสด็จพ่อขอพรให้พวกเราประสบความสำเร็จดังหวังตั้งใจทีเถิด.........พอดีเจอพรรคพวกรออยู่แล้ว  5-6  คน  ทุกคนร้อยใจไม่แพ้กัน  ข้าพเจ้าจึงเล่าแผนการให้ฟังคร่าว ๆ แล้วก็เดินไปที่โทรศัพท์สาธารณะที่ตั้งไว้ตรงเค้าเตอร์ด้านขวามือ  ควานหาเหรียญบาทได้  2-3  เหรียญ  หยอดแล้วหมุนไปที่สำนักงานก.พ.  ถนนพิษณุโลก  ขอพูดกับหน้าห้องหัวหน้ากอง  ตำแหน่งและอัตราเงินเดือน  ขอทราบรายละเอียดเกี่ยวกับภารกิจของหัวหน้ากองในวันนี้  ทราบว่าไม่ได้ติดประชุมหรือไปราชการที่ใดคิดว่าคงอยู่สำนักงานทั้งวัน  พอได้ข้อมูลเป็นที่พอใจแล้ว  ข้าพเจ้าก็บอกพวกเราว่าขออาสาสมัคร  2  คน  ไปกับข้าพเจ้า  เพื่อนไพรัช  เพื่อนแขก  อาสา  ได้กำลังแล้วครบสามประสานต้องตามตำราพิชัยสงครามแล้ว.........ไม่รอช้า  ข้าพเจ้าเดินนำหน้าพาพวกเราขึ้นไปชั้น  2  ที่ห้องกองการเจ้าหน้าที่  ซึ่งข้าพเจ้าได้ส่งสายหาข่าวไว้แล้วว่า  วันนี้พี่เรของเราไม่ได้ไปไหนเช่นกัน  สวรรค์ช่างเป็นใจเหลือเกิน  เมื่อพวกเราไปยืนรอกันอยู่หน้าห้อง  วันนี้ไม่เหมือนวันนั้น  ห้องไม่ได้ปิดคงเปิดทำงานเป็นปกติ  ข้าพเจ้าแจ้งความประสงค์บอกับเด็กในห้องว่าขอพบพี่เราหน่อย  บอกชื่อเสียงเรียงนามและจำนวนคนที่จะเข้าพบให้ทราบ  เด็กออกมาแจ้งให้ทราบว่าเข้าไปได้  เท่าที่จำได้ในห้องนั้นถูกแบ่งออกไปเป็น  2  ห้อง  ห้องหนึ่งเป็นห้องหัวหน้ากอง  อีกห้องเป็นห้องผู้ช่วย  ในห้องหัวหน้ากองจะมีมุมหนึ่งสำหรับแขก  วันนั้นหัวหน้ากองไม่อยู่  พี่เรเลยขออนุญาตใช้เพื่อเจรจากับพวกเราจะได้ไม่เป็นที่เอิกเกริกกับผู้ที่พบเห็นที่ไม่เข้าใจ  นับว่าเป็นส่วนตัวดี  เมื่อทุกคนนั่งเรียบร้อยกันทุกคนแล้ว

                “เอาละ  พวกเธอมีอะไรที่ต้องการพบพี่  ครั้งนี้พี่ให้พวกเธอพบเป็นครั้งสุดท้ายแล้วนะ”

                ข้าพเจ้ารับปากทันทีโดยมิได้รอช้า.........

                “ถ้าพี่ยอมปฏิบัติตามที่ผมขอร้อง  ผมจะไม่รบกวนพี่อีกเลย  วันนี้ผมได้นัดเจ้าหน้าที่ก.พ.ไว้แล้ว  ว่าจะพาเจ้าหน้าที่กรมฯมาพบเพื่อพูดคุยกันให้ได้ข้อยุติ”

                ทันทีที่ข้าพเจ้ายื่นเงื่อนไขการปฏิบัติไป  พี่เรของเรารีบออกตัวทันที

                “วันนี้พี่ไปไม่ได้หรอกรถของกองไม่ว่างพี่ให้เด็กไปราชการ”

                “รถกองฯไม่ว่างไม่เป็นไร  เรามีรถส่วนตัวจอดรอพี่อยู่ที่หน้ากรมแล้ว  ขอเพียงพี่ลุกเดินไปขึ้นรถที่เราเตรียมไว้ก็จะเดินทางถึง ก.พ. ได้อย่างสบาย”

                ข้าพเจ้ารีบต่อรอง  และขยั้นขยอแกมขอร้อง......พี่เรนิ่งไปสักพักเหมือนกับจะคิดอะไรได้  หรือไม่ก็คงจะรำคาญพวกเราเต็มทน.....

                “ตกลงพี่จะไปแต่พี่ไปรถของกองก็แล้วกัน  พวกเธอไปรอพี่ได้ที่ก.พ.”

                “ผมจะขับรถตามพี่ไปเพื่อเราจะได้ไม่คลาดกัน”

                ข้าพเจ้ารีบตอบและต่อรองไปอีกกันเหนียวเอาไว้  ไม่ใช่ไม่ไว้ใจ  แต่เอาชัวร์ไว้ก่อน.......

                ดังจะได้กล่าวต่อไปมันเป็นนัดสำคัญยิ่งกว่าความตื่นเต้นใด ๆ ทั้งหมดที่ข้าพเจ้าเคยพบมาถ้าเปรียบเป็นมวยก็คงจะเป็นไฟท์บังคับระหว่าง  สุดหล่อเดอลาโฮย่ากับทรินิแดด  มันเป็นมวยหยุดโลกจริง ๆ พอพวกเราพร้อมพี่เรไปถึงก.พ.และได้ติดต่อขอพบท่านหัวหน้ากอง  ท่านอนุญาตเชิญพวกเราไปที่ห้องรับแขกซึ่งบรรจุได้  5-6  คน  การเจรจาเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงเริ่มแล้ว..........

                “ก่อนอื่น  กระผมขอแนะนำ  พี่เรไร  ศรีทอง  ให้ท่านหัวหน้ากองได้ทราบ  พี่เรท่านเป็นตัวแทนของกองการเจ้าหน้าที่ในกรมป่าไม้มาให้ความกระจ่างแก่พวกเรา  ในเรื่องอัตรากำลัง  ที่กำลังสงสัยกันอยู่”

                ข้าพเจ้าเริ่มอารามพบทเกริ่นนำเสียก่อน  เพื่อจะได้รู้เขารู้เรา...................

                “สำหรับพี่เรคงพอจะทราบแล้วนะครับ  ว่าท่านที่เรากำลังขอความกรุณาอยู่ในขณะนี้  ท่านเป็นหัวหน้ากองรับผิดชอบในเรื่องนี้อยู่”

                พี่เร  ดูท่าจะอ่อนลงมามากเมื่อมาอยู่ต่อหน้าท่านหัวหน้ากอง  เพราะอาจจะแตกต่างกันที่คุณวุฒิและตำแหน่งหน้าที่การงาน  และก็รับปากว่าทราบดี  ว่าท่านเป็นใคร....................

                “มาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า  ผมได้รับทราบจากน้อง ๆ ว่า  กรมป่าไม้ตอนนี้มีบัณฑิตจบมาแล้วไม่มีงานทำ  กรมป่าไม้ต้องจ้างเป็นลูกจ้างชั่วคราวเฉลี่ยวันละ  20  บาท  จริงไหม”

                ท่านหัวหน้ากองไม่รอช้า  ยิงคำถามโดยไม่ปล่อยให้เวลาผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์.....

                “ค่ะท่าน  รุ่นนี้จบมามากกรมฯมีตำแหน่งไม่พอจึงบรรจุให้ได้ไม่หมดขึ้นทะเบียนไว้ประมาณ  100  คน”

                พี่เร  รีบอธิบายเรื่องราวต่าง ๆ ให้ท่านหัวหน้ากองฟังด้วยน้ำเสียงที่ออกจะอ่อย ๆ ไม่สง่าผ่าเผยเหมือนกับที่ตอบกับพวกเราผิดกันลิบลับ......

                “แล้วทำไมไม่ทำเรื่องขอมาที่ก.พ.ละ  จะได้ช่วยกันแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของพวกน้อง ไ ที่รอกันอยู่”

                พอท่านหัวหน้ากองถามประโยคนี้มา  ทำให้พี่เรของเรานิ่งเงียบ  ปกติพี่ท่านเป็นคนขาวอยู่แล้ว  ปรากฏว่าสีหน้ายิ่งซีดขาวหนักขึ้นไปอีก  เหงื่อเม็ดเล็ก ๆ ผุดขึ้นตามไรผม  แสดงว่าตื่นตระหนกพอสมควรข้าพเจ้าพอเห็นเหตุการณ์เช่นนั้นเดาได้ทันทีเลยว่า  “โกหกทั้งเพ”  คนโกหกเป็นกรมป่าไม้เราเองทั้งสิ้น

                “เห็นน้อง ๆ เล่าให้ฟังว่ากรมป่าไม้ขอตำแหน่งมาก.พ.  แต่ก.พ.ไม่อนุมัติ  ผมขอชี้แจงว่าไม่เป็นความจริง  กรมป่าไม้ไม่เคยขอตำแหน่งมาเลย  ถ้ามีผมต้องรู้เพราะคุมเรื่องนี้อยู่หรือว่ากรมป่าไม้มีหลักฐาน  มีหนังสือมาด้วยหรือเปล่าถ้ามีผมขอดูหน่อย”

                หัวหน้ากองเริ่มป้อนคำถามอันเป็นปริศนาคาใจพวกเราอย่างตรงไปตรงมา  ทำให้พี่เรหน้าเริ่มถอดสีไม่มีเลือดวิ่งมาเลี้ยงหลงเหลืออยู่เลย  แล้วพี่เรก็ตอบคำถามดังกล่าวด้วยเสียงอ่อย  น่าเวทนาเป็นยิ่งนัก.......

                “ดิฉันไม่รู้รายละเอียดอะไรมากนัก  ได้ยินคุณเทวาผู้ช่วยหัวหน้ากองการเจ้าหน้าที่บอกว่าไม่มีตำแหน่งเพราะก.พ.ไม่ให้ดิฉันก็นำมาถ่ายทอดต่อ”

                “ทีหลังมีอะไรผมขอร้องอย่าพูดโดยปราศจากหลักฐานและทำให้หน่วยงานอื่นเป็นที่เสื่อมเสีย  กลับไปนี้ทำเรื่องขอมาเลย  ให้เหตุผลความจำเป็นมาด้วยก็พอ  ก.พ.ยินดีช่วยเหลือเต็มที่แต่อาจจะช้าไปเพราะสิ้นฤดูการกำหนดตำแหน่ง”

                พอสิ้นเสียงของท่านหัวหน้า  ข้าพเจ้ารีบสอดทันทีว่า  “ตอนนี้กรมป่าไม้มีอัตรากำลังพนักงานจัตวาอยู่ประมาณ  200  อัตรา  จะนำตำแหน่งนี้มาเปลี่ยนเป็นพนักงานป่าไม้ตรีได้หรือไม่”

                “ได้  แต่เป็นตำแหน่งที่มีอัตราเงินเดือนไม่ถึงปริญญาตรี  ต้องไปขอเงินเพิ่มที่สำนักงบประมาณถ้าสำนักงบประมาณไม่ขัดข้อง  ก.พ.ก็ดำเนินการบรรจุให้ได้”

                ท่านหัวหน้ากองอธิบายขบวนการจัดการกับตำแหน่งแต่บอกว่าพวกเราที่บรรจุจะได้ตำแหน่งพนักงานป่าไม้ตรี  ไม่ใช่ตำแหน่งนักวิชาการป่าไม้ตรี พวกเราที่อยู่ในห้องต่างลงความเห็นเป็นเสียงเดียวกันว่าตำแหน่งอะไรก็เอาไปก่อนดีกว่าตกงาน  เมื่อได้ลายแทงแล้วไม่รอช้าทุกคนรีบลาหัวหน้ากองเพื่อจะได้ดำเนินการเรื่องอื่นต่อไป  พอลงมาข้างล่างแจ้งให้พรรคพวกที่คอยอย่างใจจดใจจ่อ  ฟังจนเป็นที่เข้าใจแล้วส่วนหนึ่งก็แยกย้ายกลับ  สำหรับข้าพเจ้านั้นยังมีภาระอันหนักหน่วงที่จะต้องทำต่ออีกจึงนัดหมายเพื่อนแขก  เพื่อนไพรัช  แล้วเดินข้ามไปยังสำนักงบประมาณซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามก.พ.  เข้าพบเจ้าหน้าที่เพื่อขอพบผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ  ตอนนี้เลือดเข้าตาแล้วลุยลูกเดียวเพื่ออนาคต  ได้รับคำตอบว่าท่านผู้อำนวยการไม่อยู่  อยู่แต่รอง  คือ  คุณศจี  ต้องขอโทษที่จำนามสกุลท่านไม่ได้  ข้าพเจ้าตอบรับและขอความกรุณาพบ  ท่านก็ให้พบ  ต้องขอขอบพระคุณ  ชาตินี้จะไม่ลืมบุญคุณท่านเลย  ท่านเป็นผู้หญิงขาวท้วมนิด  งามสมวัย  ท่าทางใจดี  พอพวกเรายกมือไว้สวัสดีเสร็จแล้ว  ท่านสั่งให้พวกเรานั่งแล้วเริ่มคำถาม..........?

                “น้อง ๆ มีธุระอะไร  รู้สึกว่าเราจะไม่เคยพบกัน”

                ข้าพเจ้าไม่รอช้ารีบเล่าเรื่องทั้งหมดที่ผ่านมาให้ท่านได้รับฟังโดยละเอียด  ท่านรับฟังโดยสงบข้าพเจ้าจึงถามออกไปตรง ๆ เลยเนื่องจากใจร้อน..........

                “กระผมอยากเรียนถามท่านว่า  สำนักงบประมาณสามารถสนับสนุนงบประมาณส่วนที่ยังขาดอยู่ของตำแหน่งพนักงานจัตวาให้สามารถตั้งเบิกในตำแหน่งพนักงานป่าไม้ตรีได้หรือไม่”

                “ได้ซิ  พวกเธอไปขอให้กรมฯทำเรื่องมาสำนักฯสนับสนุนเต็มที่”

                ท่านรับปากโดยไม่ต้องคิดเลย........โล่งอกไปทีนี้ถ้าข้าพเจ้าพกสาริกาลิ้นทองมาด้วยคงต้องเชื่อแน่ ๆ ว่าเป็นอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ของมันแน่นอน......แต่ความจริงมันเป็นธรรมดา  ธรรมชาติ  มันเป็นธรรมะ  ฟ้าหลังฝนฉันใดเหตุการณ์ทั้งหมดก็เป็นฉันนั้น........เมื่อเห็นว่าสมควรแก่เวลาที่รบกวนท่านแล้ว  พวกเราพากันกราบลาท่านเดินทางกลับกรมฯ  แล้วนำความต่างที่ได้เจรจามาถ่ายทอดให้พี่เรของพวกเราฟัง  พี่เรรับปากว่าจะรีบดำเนินการขอตำแหน่งให้พวกเราโดยเร็ว  มันทำให้พวกเราอดที่จะดีใจไปไม่ได้ที่ภารกิจได้สำเร็จไปหนึ่งเปราะ  ต่างคนต่างก็แยกย้ายกันกลับที่ตั้งของตนเพื่อรอคอยความหวังดังเช่นข้าวรอฝน.....อนาถใจนัก....

 


Last updated: 2015-04-27 07:47:29


@ บุกถ้ำเสือ ตอน ๒ แผนล่าตำแหน่ง
 


 
     
เชิญท่านเป็นบุคคลแรกที่แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับบทความ บุกถ้ำเสือ ตอน ๒ แผนล่าตำแหน่ง
 
     
     
   
     
Untitled Document



LFG
www.lookforest.com|บทความ|โปรแกรมคาร์บอนต้นไม้|ฐานข้อมูลชีวภาพ|เครือข่ายฟาร์มป่าไม้|ติดต่อบรรณาธิการ
Powered by: LOOK FOREST GROUP
23/1 ซอยรัชดาภิเษก 64 แขวงบางซื่อ เขตบางซื่อ กทม.
Clicks: 
1,351

Your IP-Address: 18.97.14.80/ Users: 
1,350