...แสงที่สาดจ้าทะลุผ้าม่านสีเหลือง บ่งบอกให้รู้ว่า ดวงทินกรเริ่มทำหน้าที่ของท่านแล้ว ข้าพเจ้ารีบลุกจากเตียงที่ตั้งไว้ชิดหน้าต่าง ใช้มือขวาเลิกมุ้งที่กางออกแล้วลุกขึ้นจัดการกับมันให้อยู่ในสภาพเดิมพร้อมที่จะกางต่อไป...เมื่อวานเหนื่อยมาทั้งวัน เพราะพาผู้ใต้บังคับบัญชาทำการจับกุมไม้งิ้วป่า โดยได้ต่อท่อนพิสูจน์ให้พนักงานสอบสวนดู ว่าเป็นไม้มาจากต้นเดียวกัน ข้าพเจ้าพักอยู่ที่ห้องชั้นบนสำนักงาน ซึ่งได้ออกแบบให้มี ๒ ห้อง ห้องของข้าพเจ้าอยู่ด้านหน้า โดยหันหน้าไปทางทิศใต้ มีห้องติดกันอีกหนึ่งห้องอยู่ทางทิศเหนือ เป็นห้องที่ใช้เก็บอุปกรณ์การกระทำผิด เช่น เลื่อยโซ่ยนต์ คนออกแบบหน่วยก็แปลกทางขึ้นเป็นด้านหน้าซึ่งมีบันไดขึ้น ๒ ระดับ อยู่ทางหัวนอนของข้าพเจ้า และตรงหัวนอนยังทำเป็นระเบียงกว้างประมาณเมตรครึ่ง หากผู้ร้ายขึ้นมาได้จ่อปืนเป่ากระหม่อมคนนอนขึ้นสวรรค์ชั้นฟ้าสบายไปเลย แต่คนออกแบบคงไม่ได้คิดให้เป็นห้องนอน คงต้องการให้เป็นสำนักงาน เพื่อว่าคนมาติดต่อจะได้นั่งรอก่อนที่จะเข้าไปติดต่องานในห้อง ซึ่งภายในด้านตะวันตกข้างห้องทั้งสองเป็นห้องโถง คงคิดว่าจะให้วางโต๊ะทำงานของเจ้าหน้าที่ ระดับต่าง ๆ ส่วนห้องนอนของข้าพเจ้าคงต้องการให้เป็นห้องทำงานของหัวหน้า ห้องติดกันคงเป็นห้องของผู้ช่วย แต่คนมาอยู่กลับใช้ผิดประเภท ดันเอาใต้ถุนสำนักงานกั้นห้องเป็นที่ทำงาน เกือบทุกแห่งจะคล้าย ๆ กัน เพราะหน่วยป้องกันในสมัยก่อนสร้างเป็นเรือนใต้ถุนสูง และถ้ามองจากถนนจะเห็นยิ่งสูงโด่เด่ เพราะดินเดิมเป็นที่นา ตอนที่ข้าพเจ้ามาคุมการก่อสร้างเคยท้วงติงไปบ้างแต่ไม่มีใครรับฟัง ห้องที่ติดกับห้องนอนข้าพเจ้าปัจจุบันมีเลื่อยโซ่ของกลางเก็บรักษาไว้โดยบางส่วนมีการล่ามโซ่ ถ้าได้มาใหม่ก็เพียงวางไว้ แต่ประตูมีกุญแจล็อกไว้ 1 ดอก ทุกคนในสำนักงานไม่ใคร่มีใครได้ขึ้นมานอกจากเอาเลื่อยมาเก็บ และเห็นว่าข้าพเจ้านอนเฝ้าอยู่ข้าง ๆ แล้วต่างเย็นใจ เท่ากับว่าข้าพเจ้าเป็นคนเฝ้าของกลางไปโดยปริยาย ...มองดูนาฬิกาเห็นว่าสายแล้ว รีบเข้าห้องนำชำระร่างกายเปลี่ยนชุดทำงาน ทั้ง ๆ ที่วันนี้เป็นวันเสาร์ น่าจะเป็นวันหยุดแต่ข้าพเจ้าได้นัดให้ผู้ใต้บังคับบัญชามาปฏิบัติงาน เนื่องจากได้ทิ้งไม้ของกลางที่จับเมื่อสองวันที่แล้ว วันนี้จะต้องรีบขนมาเก็บไว้ให้เรียบร้อย ทิ้งไว้นานอาจสูญหายได้ พอลงมาข้างล่างได้ยินเสียงเรียกจากใครคนหนึ่ง....
พี่ทศ ทางนี้
ข้าพเจ้ามองไปเห็นมีอาหารวางอยู่บนโต๊ะแล้ว พรรคพวกที่นั่ง มีประเวศ ซึ่งเป็นข้าราชการ พร้อมพิทักษ์ป่า มีเจ้าฉลาด และนอกนั้นเป็นลูกจ้างเจ้าน้อย และเจ้าอ็อด ...เมื่อนั่งที่โต๊ะเรียบร้อยแล้ว ประเวศถือถ้วยกาแฟมาส่งให้ กลิ่นหอมกรุ่นที่เดียว บนโต๊ะมีอาหาร ปาท่องโก๋ ข้าวเหนียว ไก่ย่าง แจ่ว... พอข้าพเจ้าบอกให้ลงมือได้เท่านั้นแหละ พริบตาเดียวของที่อยู่บนโต๊ะอันตรธานหายไปในเวลารวดเร็ว ข้าพเจ้ามองดูแล้วเห็นใจเพราะเราคนเดียวตื่นสายทำให้ทุกคนต้องแขวนท้องรอ ทั้ง ๆ ที่ถ้าเป็นวันธรรมดาก็ต่างหารับประทานกันเอง แต่วันนี้มีนัดหมายจะไปขนไม้ตอนเช้า เพราะบ่ายจะร้อน ข้าพเจ้าจึงถามความพร้อมไปว่า....
ประเวศ วันนี้เราเอากำลังไปเท่าไหร่ดี?
ประเวศรีบรายงานทันทีว่า... กำลังคนงานทั้ง 8 คนเอาไปหมด มีผม และเจ้าฉลาดอีกคน ถ้าพ่วงพี่ด้วยก็เป็น 11 คนพอดี ทิ้งตารงค์ไว้เฝ้าหน่วยคนเดียวคงจะพอ
ประเวศแจงกำลังพลให้ฟังอย่างพร้อมสรรพ สำหรับคนสุดท้ายที่ประเวศกล่าวถึงคือ นายณรงค์ ซึ่งเป็นนักการภารโรงของหน่วยอยู่มาตั้งแต่ก่อสร้างหน่วย มีบ้านและครอบครัวอยู่ในตัวอำเภอ ข้าพเจ้าจึงถามต่อไปว่า....
แล้ววันนี้ใครอยู่เวรตามคำสั่งหน่วย
ประเวศตอบโดยไม่ต้องคิดว่า ก็ตารงค์นั้นแหละพี่ อยู่ 3 วัน ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันจันทร์
ข้าพเจ้ารับฟังและอดคิดไม่ได้ว่า หน่วยงานในสนามมีกำลังพลที่ต้องมีความรับผิดชอบสูง กลับมีข้าราชการและลูกจ้างประจำไม่ถึง 4 คน เช่นหน่วยข้าพเจ้ามี ประเวศและข้าพเจ้าเท่านั้นที่เป็นข้าราชการ ลูกจ้างประจำ 2 คน ตารงค์กับฉลาด นอกนั้น เป็นลูกจ้างชั่วคราวรายเดือน ในนามราษฎรพิทักษ์ป่า ซึ่งดูแลป่าสงวนแห่งชาติ 3 ป่า เนื้อที่รวมกันเกือบ 50,000 ไร่ มียานพาหนะคันเดียว ดีว่าได้รถกระบะ 2 คัน มาแทนดัทสันคันเก่า ซึ่งมีอายุเกือบ 20 ปี .... เมื่อทุกคนพร้อมแล้ว ข้าพเจ้ารีบตรงไปที่รถ ขึ้นไปนั่งข้างคนขับ ซึ่งข้าพเจ้าลืมบอกไปว่า ยังมีลูกจ้างประจำ ตำแหน่งคนขับรถอีกคน คือ เจ้าแมว นั่งสาวพวกมาลัยอยู่ข้างตัวข้าพเจ้า คนนั่งถัดไปเป็นประเวศ นอกนั้นนั่งกระบะหลัง ข้าพเจ้าชวนคุยไปพราง ๆ ...
ประเวศคุณได้เอาล้อพ่วงไปด้วยหรือเปล่า?
ประเวศตอบว่า เอาไปซิพี่ ไม่มีตัวนี้ เอาไม้มาไม่ได้แน่นอน นอกจากออป. จะส่งรถจอหนังมาช่วย
นึกไปแล้วเห็นจริง ข้าพเจ้าคิดว่าไม้พะยอมที่เราจะไปขนมาครั้งนี้มันยาวถึง 6 เมตร ความโตเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 60 ถึง 80 เซนติเมตร ความโตวัดรอบต้นเกือบ 200 เซนติเมตร ขณะที่กระบะรถยาวไม่ถึง 3 เมตร ถ้าข้าพเจ้าไม่คิดประดิษฐ์ล้อพ่วง โดยไปซื้อเพลาของรถพวงไถเดินตามพร้อมล้อ 2 วง มาจัดการทำรถพ่วง เราคงชักลากไม้ที่จับจากป่าออกมาไม่ได้ ไม่เหมือนบางคน เห็นว่าเอาออกไม่ได้ทั้งๆที่ยังไม่พยายาม ก็ขออนุมัติทิ้งของกลาง เลยกลายเป็นขนมหวานให้พวกลักลอบตัดไม้ยกโขยงไปแปรรูปเอาไปหมด พอกลับไปดูอีกทีเหลือแต่ปีกไม้ให้เจ็บใจ งานปราบปรามการลักลอบตัดไม้จะมีความยากลำบากตรงที่ของกลางมีขนาดใหญ่ หากคนจับใจไม่ถึงจริง ๆ คงจะผ่านงานนี้ไปได้ยากไม่เหมือนจับไพ่ จับยาเสพติด ของกลางมีขนาดเล็ก เอามาประกอบคดีได้ง่าย ข้าพเจ้านึกต่อไปว่าตอนย้ายมาจากสำนักพัฒนาที่ขุขันธ์ใหม่ ๆ กว่าจะยกระดับหน่วยงานให้ขึ้นมามีศักยภาพทางการจับกุมดำเนินคดีป่าไม้นั้นว่ายากแล้ว สิ่งที่ยากกว่าคือการทำให้หน่วยงานของเราต้องโอเวอร์หน่วยราชการอื่นในพื้นที่ ห้ามอันเดอร์เด็ดขาด ความหมายที่ว่า โอเวอร์หน่วยงานอื่นนั้น หมายถึง ความขยันหมั่นเพียร พยายามในการป้องกันรักษาป่า แต่ที่สำคัญที่สุดคือ ความสุจริต เพราะมันตีความไปถึงการเป็นเกราะกำบังภัยรอบด้านที่จะมาถึงตัว อดีตหน่วยนี้เจ้าหน้าที่บางคนเก็บส่วยรถไม้เรือนเก่า และบางคนคุมเลื่อยโซ่ยนต์ กว่าจะจัดการให้แต่ละคนมาอยู่ในแถวเดียวกันได้เหนื่อยพอดู พอผลที่ทำให้พวกเขามีคุณภาพและซื่อตรงมันนำมาซึ่งบารมีของเจ้าหน้าที่ เวลาไปติดต่อราชการกับหน่วยราชการอื่น แม้กระทั่งตำรวจ ต่างได้รับการให้เกียรติจากหน่วยงานต่าง ๆ จนเป็นที่ภาคภูมิใจของเจ้าหน้าที่ จึงเป็นแรงบันดาลใจให้มีความพยายามที่จะทำความดีโดยไม่ย่อท้อ แต่จะรักษาความดีนี้ไปได้นานเท่าใดแล้วแต่รากเหง้าของจิตใจของคนผู้นั้น พระพุทธองค์ทรงแบ่งมนุษย์ออกเป็นบัว 4 เหล่า ต่างเกิดจากโคลนตมด้วยกันทั้งสิ้น แต่แล้วก็เติบโตไม่เท่ากัน ก่อนที่ความคิดคำนึงจะไปมากว่านี้ รถที่บรรทุกพวกเรามาถึงที่เกิดเหตุ สิ่งที่ปรากฏตรงหน้าเป็นไม้พะยอม ถูกตัดล้มลงด้านปลายได้ตัดแล้วท่อนไม้ยังวางอยู่บนตอ ซึ่งสูงพอ ๆ กับกระบะรถ เจ้าแมวถอยรถเข้าไปจ่อ ไม้บนตอสูงกว่ากระบะประมาณ 3-4 เซนติเมตร นับว่าพระเจ้ายังมีเมตตาอยู่บ้าง ไม้ล้มคาตอยังไม่ขาดเลยเสียทีเดียว มันจึงพยุงให้คาอยู่ได้ พวกเราหาไม้มางัดให้มันไหลลงไปบนกระบะเมื่อใช้เลื่อยช่วยตัดต่อจนท่อนโคน บัดนี้ไปนอนนิ่งสงบอยู่ท้ายรถลึกประมาณ 50 เซนติเมตร เสร็จจากโคนต้นแล้วให้ทุกคนหยุดพัก ประเวศเดินตรงมาหาถามขึ้นว่า...
ท่อนปลายเราจะเอาอย่างไรดีพี่?
ใช้หลักฟิสิกส์ที่เคยทำมา คานดีด คานงัดยังไง
ข้าพเจ้าให้คำตอบไป ประเวศพยักหน้ารับทราบ แล้วเดินไปนั่งยังร่มไม้ ดื่มน้ำนั่งพักเหมือนคนอื่น ๆ หรับบรรดาผู้พิทักษ์ป่าของเรา เห็นกำลังวุ่นอยู่กับการแย่งชิงบุหรี่กันอยู่ นัยว่า เจ้าฉลาดซึ่งมีมีบุหรี่สายฝนก้นกรองเหลือในซองเพียง 6 ตัวไม่พอ จึงใช้วิธีผลัดกันดูด อัดเข้าปอดคนละอึกจนกว่าจะหมดมวน ส่วนเจ้าของบุหรี่เดินคีบบุหรี่ 1 มวนด้วยมือซ้ายเดินเอ้อระเหยสูบคนเดียวสบายใจเฉิบ ข้าพเจ้าเพิ่งได้สังเกตเห็นว่า เจ้าฉลาดนั้นถนัดมือซ้ายทั้ง ๆ ที่ อยู่ด้วยกันมาเกือบหนึ่งปีแล้ว พอทุกคนหายเหนื่อยแล้วพากันจัดการเอาไม้ส่วนปลายขึ้นรถจนสำเร็จ แล้วพากันเดินทางกลับหน่วย ถึงที่พักเป็นเวลาเที่ยงพอดี ทุกคนกำลังหิว แต่ก็มีอาหารตั้งที่โต๊ะเรียบร้อยแล้ว โดยไม่ทราบว่ามาอย่างไร พอดีประเวศเดินมา จึงถามไปว่า
ใครไปซื้อมาถึงได้เร็วอย่างนี้
ประเวศไขข้อข้องใจว่า... ผม ว. ให้ตารงค์ไปซื้อไก่มาต้มไว้รออยู่ก่อนแล้ว ไม่นึกว่าแกจะทำได้เสร็จทันพอดี
ทุกคนต่างเข้านั่งประจำที่ จัดการกับเรื่องท้องจนอิ่มกันถ้วนหน้า ข้าพเจ้าบอกตารงค์ว่า วันนี้จะกลับบ้านในตัวเมืองคงจะมาตอนเช้าวันจันทร์ ทางนี้ฝากดูแลหน่วยด้วย แต่พวกเราก็อยู่หลายคน แต่ถ้ามีอะไรด่วนตามตัวได้ เสร็จแล้วก็ขึ้นไปที่ห้องเก็บข้าวของเครื่องใช้ เสื้อผ้าที่จำเป็นจะต้องซักเอาไปจัดการให้เสร็จ......
...ตื่นมาเช้านี้ไม่สดชื่นเหมือนทุกวัน ทั้ง ๆ ที่นอนเต็มอิ่ม ได้พักวันอาทิตย์ทั้งวัน รีบเก็บเสื้อผ้าบอกแม่บ้านแล้วลงจากบ้านไปที่โรงรถเปิดประตูรถกระบะส่วนตัว เหวี่ยงกระเป๋าเข้าไปเก็บ ขับรถออกจากบ้านมาถึงหน่วยเวลาประมาณ 09.30 น. ที่หน่วยขณะนี้เงียบสงบปราศจากสรรพสัตว์โลก ออกมาเดินเพ่นพ่านให้เห็น ข้าพเจ้าเอารถไปจอดไว้ใต้ร่มไม้ เพราะโรงรถที่ต่อหลังคายื่นมาจากพื้นชั้นบนด้านขวา บัดนี้ยังมีโต๊ะไม้ตั้งอยู่ แสดงว่า ตารงค์ให้พรรคพวกยกมาตั้งเพื่อนอนเวรยามในตอนกลางคืน พอเช้ามายังไม่มีใครเข้าสำนักงาน ตัวแกคนเดียวยกไม่ไหวจึงทิ้งไว้ก่อน สักครู่ข้าพเจ้าได้ยินเสียงอาบน้ำมาจากบ้านพักของประเวศ แสดงว่าตื่นแล้ว นึกในใจว่าขึ้นห้องเอาของไปเก็บก่อนดีกว่า แล้วก็หิ้วกระเป๋าเดินขึ้นบันได...
ก่อนก้าวขึ้นมองไปที่บันไดขั้นที่สอง สายตามองไปเห็นก้นบุหรี่ มันเป็นบุหรี่ก้นกรองที่ถูกวางไว้ ถ้าเดาไม่ผิดคนสูบคงสูบไม่หมดมวน รีบวางไว้ เพราะตำแหน่งขี้เถ้าบุหรี่มันตกไปที่บันไดขั้นที่หนึ่งมากพอสมควร ห่างจากราวบันไดประมาณ 50 เซนติเมตร ข้าพเจ้าเก็บมันขึ้นมาเอากระดาษทิชชูห่อคิดว่าจะเอาไปทิ้งที่ถังขยะบนห้อง เพราะถ้าดีดทิ้งจะเป็นการมักง่าย เคยสอนลูกน้องทุกวันให้รักษาความสะอาด 5 ส. ก็ทำมาแล้ว เดินถือก้นบุหรี่ขึ้นไปที่ห้องไขกุญแจแล้วเปิดประตูห้อง ถังขยะอยู่ตรงนั้นพอดี หย่อนทิ้งมันลงไป พอเงยหน้าขึ้น มองไปที่บานประตูห้องข้าง ๆ ...พระเจ้าช่วย... บัดนี้ กุญแจที่ได้ใส่และงับไว้มันถูกยืดออกจากรูของมันแขวนไว้แน่นิ่งอยู่...ใจหายวาบ ก่อนที่จะเปิดตู้ห้องของตัวจำเป็นต้องหันไปดูรอบ ๆ ห้องโถง และแล้วสิ่งที่สังหรณ์ใจก็ปรากฎบนคลองจักษุ...เลื่อยโซ่ยนต์ที่ปราศจาก บาร์ และโซ่ ตัวหนึ่งถูกวางไว้ริมเสาทางออก สีส้ม...ในตอนแรกตกใจคิดว่าจะวิ่งเข้าไปเปิดประตูห้องเก็บเลื่อยดู...สติกลับคืนมา อย่าดีกว่า ตั้งสติหายใจลึก ๆ โดนเข้าแล้วนายทศเอ๋ย มันกล้าล้วงคองูเห่าเข้าให้แล้ว นั่งตรงประตูทางเข้าห้องโถง ตั้งสติให้มั่นพินิจพิจารณา งานนี้จะเอาอย่างไรดี มีทางให้เดินอยู่ 2 ทาง ถ้าดำเนินการตามข้อเท็จจริง ผลที่ได้รับในทางส่วนรวมนั้นจะมีศักดิ์ศรีกว่า หมายถึง การแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าของกลางเลื่อยโซ่ยนต์ถูกโจรกรรม การที่จะได้ตัวผู้กระทำผิดหรือได้เลื่อยยนต์คืนนั้นห้าสิบห้าสิบ แล้วแต่ฝีมือพนักงานสอบสวน แต่ตัวเขาเองคิดว่ามีโอกาสน้อยและผลที่จะตามมา คือ เมื่อเขารายงานให้เขตทราบ อันดับแรกเขตต้องตั้งกรรมการมาสอบสวนข้อเท็จจริง ซึ่งข้อนี้ตอบได้เลยว่า คนที่ต้องรับผิดชอบมีอยู่ 2 คน คือ ตัวเขาเอง และตารงค์ ความผิดมี 2 ฐาน คือ ผิดวินัยข้าราชการ ฐานที่สอง ความผิดทางแพ่งต้องชดใช้ค่าเสียหาย สำหรับวินัยนั้นเดาไม่ถูกว่าจะอยู่ในระดับใด...แต่ถ้าหากต้องการให้เรื่องจบลงโดยไม่ต้องแจ้งความ เพียงแต่หาเลื่อยเก่า ๆ มาสวมแทน ซึ่งก็หาได้ไม่ยากนัก เพราะเลื่อยที่จับมาส่วนใหญ่หมายเลขเครื่องถูกตะไบทิ้งเกือบทุกตัว...และแล้วพันก็ฉุกได้คิดว่า ถ้าดำเนินการประการที่ 2 พวกเราไม่รู้ แต่โจรที่มาขโมยมันรู้ หากมันนำไปเปิดโปงก่อนที่เราจะหาเลื่อยมาสวมแทนคราวนี้แหละหนักแน่นายทศเอ๋ย...เมื่อคิดได้ดังนี้แล้วรีบลงจากห้องทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้เก็บของเข้า เดินไปเรียกประเวศ....!!
เวศ คุณแต่งตัวเสร็จแล้วยัง? ลงมาพบผมหน่อย
ประเวศวิ่งลงบันไดบ้านพักข้าราชการ ระดับ 2 ซึ่งมีขนาดเล็กมาก เมื่อถึงพื้นที่ถามขึ้นด้วยสีหน้าแปลกใจว่า มีอะไรหรือพี่ ดูท่าทางรีบร้อน
ข้าพเจ้าให้เดินตามไป แล้วชวนขึ้นไปดูข้างบนสำนักงาน พอประเวศเห็นอุทานออกมาเบา ๆ แล้วก็เงียบไป...
มันมาเอาได้ยังไง ตารงค์นอนเฝ้าอยู่ที่โรงรถที่พี่จอด ห่างจากบันไดไม่ถึง 10 เมตร
ข้าพเจ้าไม่ออกความเห็นเพราะมันเป็นไปได้ 2 ทาง คือ ตารงค์หลับเป็นตาย หรือตารงค์ไม่ได้มานอน เพราะข้าพเจ้าไม่อยู่ไม่มีใครตรวจเวร แต่ประเด็นนี้ตารงค์ไม่มีประวัติหนีเวร เพราะแกซื่อตรงยังกับไม้บรรทัด ไม่อยากให้ทุกอย่างมันเนิ่นนานไป เมื่อตัดสินใจแล้ว จึงให้ประเวศไปแจ้งความ...
...พนักงานสอบสวนพร้อมทีมงานอีก 2 คน ได้มาที่หน่วย ข้าพเจ้าได้พาขึ้นไปที่ห้องเกิดเหตุ ก่อนเข้าห้องเก็บเลื่อย ข้าพเจ้าเอื้อมมือไปจะปลดกุญแจ แต่ถูกพนักงานสอบสวนปัดมือออก แล้วให้นายสิบสวมถุงมือเป็นผู้ถอดแม่กุญแจออกจากสายยู แล้วเข้าไปตรวจในห้อง ปรากฏว่า มีเลื่อยโซ่ยนต์หายไป 2 ตัว ตรงกลางห้องมีบาร์ถูกถอดวางไว้ 1 ตัว นายสิบผู้ที่สวมถุงมือได้นำมันไป โดยข้อเท็จจริงแล้วขโมยต้องการเลื่อยจำนวน 3 ตัว แต่เอาไปได้ 2 ตัว ส่วนตัวที่ทิ้งไว้ตรงเสาข้างประตูทางออกคงเอาไปไม่ได้ ไม่ทราบเพราะเหตุใด นายสิบผู้นำบาร์เลื่อย (แผ่นนำร่องโซ่) ออกมาวางตรงระเบียงเปิดกระเป๋าที่ติดตัวมา เริ่มนำเครื่องมือออกมา มีแปรงขนอ่อน และตลับผงฝุ่น และมีเทปใส 1 ม้วน วางอยู่ข้าง ๆ เริ่มทำการปัดฝุ่นไปตำแหน่งที่คิดว่าจะเป็นลายนิ้วมือ เสร็จแล้วนำเทปใสตัดเปะลงแล้วลอกลายพิมพ์นิ้วมือจนหมดแผ่น การหาลายพิมพ์นิ้วมือแฝงในสมัยก่อนเคยได้ยินเขาเรียกว่า พาราฟีน เทส ซึ่งปัจจุบันหมดความนิยมแล้ว เมื่อถ่ายรูปเก็บพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุแล้วก็กลับ ก่อนจะกลับพนักงานสอบสวนซึ่งท่าทางจะจบจากโรงเรียนนายร้อยมาใหม่แจ้งว่า ให้เจ้าหน้าที่ทุกคนในหน่วยไปพิมพ์ลายนิ้วมือที่สถานีตรวจได้ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป พอตำรวจไปหมดแล้วข้าพเจ้าเรียกประชุมเจ้าหน้าที่ ทุกคนสอบถามพอจะสรุปได้ความว่า เหตุน่าจะเกิดคืนวันเสาร์ วันที่เราไปชักลากไม้ พอข้าพเจ้ากลับเข้าเมืองคืนนั้นเป็นคืนปฏิบัติการของพวกตีนแมว เป็นการคาดการได้แม่นยำว่า ข้าพเจ้าจะไม่กลับมาหน่วยอีก ทั้ง ๆ ที่เคยปรากฏว่า ข้าพเจ้าเมื่อกลับบ้านแล้วเคยมาตรวจเวรในตอนตีสองก็มี ตอนนั้นเล่นเอาเวรยามซึ่งเป็นตารงค์ ตกใจนึกว่ามีเหตุด่วนเหตุร้าย แต่ครั้งนี้น่าจะจับทางข้าพเจ้าถูกเพราะวันนั้นเหนื่อยและเพลียมาก คงหอบสังขารมาไม่ได้แน่ ทุกคนที่เข้าประชุมต่างก้มหน้าไม่กล้าสบตา แต่ข้าพเจ้าไม่ได้ติดใจสงสัยใคร คิดว่าพวกเราทำงานเป็นทีม ถ้าเล่นแทงกันข้างหลัง คงจะได้รับกรรมไปเอง เมื่อทุกคนแยกย้ายไปหมดแล้ว คงเหลือแต่ประเวศ ซึ่งหน้าตาออกจะเครียดไปหน่อย ถามขึ้นมาว่า...
พี่สงสัยใครบ้างหรือเปล่า ? ทำไมพี่รีบแจ้งความ เรามีทางออกหลายทาง
ข้าพเจ้ารีบตอบไปว่า... ผมสงสัยใครไม่ได้หรอก ลูกน้องทั้งนั้น ผมเป็นหัวหน้าต้องเป็นผู้รับผิดชอบ ที่ผมต้องแจ้งความ คุณก็รู้นิสัยผมดีอยู่แล้วว่า ผมถือคติจริงคือจริง เราจะได้ไม่ต้องเสแสร้งแต่งเรื่องเปลืองสมอง ปัญหาทุกอย่างมีทางออกของมันอยู่แล้ว
ประเวศถามข้อสงสัยต่ออีกว่า แล้วใครจะรับผิดชอบละพี่
ข้าพเจ้าตอบโดยไม่ต้องคิด ก็ผมนี้แหละในนามหัวหน้าหน่วย คุณคงเกรงตารงค์จะลำบากละซิ ไม่ต้องกลัวผมรับผิดชอบ
Last updated: 2015-02-07 10:54:11