ทำงานให้มองฟ้า เป็นอยู่ให้มองดิน
 
     
 
ปริศนาธรรม ณ สวนสักห้วยทาก
การฝึกงานภาคฤดูร้อนของคณะวนศาสตร์ที่มาฝึกที่สวนป่าห้วยทาก อำเภองาว จังหวัดลำปาง เป็นหลักสูตรหนึ่งของคณะที่ต้องการให้นิสิตมาสัมผัสท้องที่จริงหลังจากที่เล่าเรียนทฤษฎีในห้องมาทั้งเทอมแล้ว
 

................รถโดยสารไมโครบัส 2 คันที่วิ่งตามกันมาจอดสนิทที่หน้าอาคารเรือนชั้นเดียว เด็กหนุ่มหน้าตาสดใสหลากหลายสไตล์ต่างแบกสัมภาระที่เป็นทั้งกระเป๋าและเป้สนามทยอยกันลงจากรถหมดสิ้น แล้วก็มีเสียงจากชายอาวุโสที่ควบคุมการเดินทางดังขึ้นว่า....?

                “พวกคุณพากันเข้าไปที่เรือนนอน เลือกที่นอนกันตามสบาย ใครชอบใครจับคู่กันให้ดี” สั่งการเสร็จชายอาวุโสพาร่างพร้อมเป้เดินตรงไปทางถนนหน้ารถ ซึ่งมีบ้านพักหลังเดี่ยวติดกันหลายหลัง คงจะเป็นบ้านพักสำหรับอาจารย์  ข้าพเจ้านั้นได้จับคู่มาตั้งแต่แรกแล้วจึงชวนเพื่อนทันที...

                “พิทยาเราว่านอนที่อาคารตรงหน้านี้แหละไม่ต้องหิ้วไปไกล” เพื่อนตอบตกลงหิ้วกระเป๋าเสื้อผ้าเดินตามข้าพเจ้าเข้าไปยังตัวอาคารเรือนนอน ซึ่งเป็นอาคารไม้เก่าแก่มีประตูเข้าออกได้ 3 ทาง ด้านหน้าและด้านข้าง เป็นอาคารไม้ชั้นเดียวใต้ถุนสูงประมาณ 1 เมตรมี 2 หลังติดกัน นิสิตวนศาสตร์มาฝึกงานคราวนี้ประมาณ 100 คน      ยังไม่ได้สำรวจแน่นอน

................ณ. สถานที่แห่งนี้เป็นสถานีฝึกนิสิตวนศาสตร์สวนป่าห้วยทาก อำเภองาว จังหวัดลำปาง การฝึกภาคฤดูร้อนของพวกเราในครั้งนี้เป็นการฝึกการรังวัดภาคสนามและการกรุยดินทำทางหรือทำถนนในป่า เป็นวิชาของท่านอาจารย์ ปรีชา และท่านอาจารย์ พงษ์ศักดิ์.......วันนี้พวกเรามาถึงเป้าหมายเกือบบ่าย 3 โมงเย็น ระหว่างเดินทางเข้ามาในสวนป่าปรากฏว่าพบแต่ความแห้งแล้งเนื่องจากไม้สักทิ้งใบหมดเพื่อความอยู่รอด แต่คงยังมีภาพลำต้นที่สูงเป็นระเบียบและขนาดความโตที่ใกล้เคียงกัน เหมือนแถวตอนของทหารตามเหล่าทัพ สวยไปอีกแบบ ขณะที่กำลังรื้อกระเป๋าได้ยินเสียงเรียกเบาๆ....!?

                “ทศ มาช่วยกางมุ้งหน่อย ดึงคนเดียวมันไม่สมดุล” พิทยาร้องขอความช่วยเหลือข้าพเจ้าจึงได้ขึ้นไปช่วยจัดการจนเสร็จสิ้น เราใช้มุ้งขนาดใหญ่นอนกันสองคน สะดวกดีและเป็นการประหยัดเนื้อที่ให้เพื่อนๆ ได้ใช้เนื้อที่ถัดไปแล้วเพื่อนชวนคุยว่า “ทศนายรู้หรือเปล่าว่าที่นี่ขาดแคลนน้ำ มีแต่น้ำในแท้งที่เก็บไว้เพื่อดื่มเท่านั้น” ข้าพเจ้าชักสงสัยถามกลับ “และพวกเราจะเอาน้ำที่ไหนอาบและราดห้องน้ำ ไหนใครเค้าว่าทางเหนือสมบูรณ์” พิทยารีบอธิบาย “ในอดีตสมบูรณ์แต่ปัจจุบันหน้าร้อน ร้อนแทบตับแตกพอตอนกลางคืนก็หนาวจับใจ” พอเพื่อนพูดจบเพื่อนข้างๆ ก็พากันวิพากษ์วิจารณ์กัน บางคนที่รู้มาจากรุ่นพี่ก็อธิบายสู่กันฟัง....?

................การฝึกงานภาคฤดูร้อนของคณะวนศาสตร์ที่มาฝึกที่สวนป่าห้วยทาก อำเภองาว จังหวัดลำปาง เป็นหลักสูตรหนึ่งของคณะที่ต้องการให้นิสิตมาสัมผัสท้องที่จริงหลังจากที่เล่าเรียนทฤษฎีในห้องมาทั้งเทอมแล้ว พวกเราเรียนวิศวกรรมป่าไม้ในเรื่องการสร้างทางถนนในป่า ซึ่งเป็นการสร้างทางยากลำบากไม่เหมือนการสร้างทางในที่ราบ เพราะมีความสูงลาดชันมาเกี่ยวข้องด้วย คนที่จะทำงานทางด้านนี้ได้ต้องมีความรู้ในด้านงานรังวัดอ่านกล้องในเรื่องระดับอยู่ในชั้นเลิศ และเก่งการคำนวณงานดินว่าจุดใดต้องเอาดินออกและจุดใดเอาดินเข้าไปเติมให้เกิดความสมดุล มันเป็นอะไรที่ท้าทายพอสมควรและเท่าที่ทราบมาทุกรุ่นจะไปฝึกกันที่ถ้ำผาไท ซึ่งอยู่ไปทางด้านหลังหอพักไม่ไกลนัก การมาฝึกงานแต่ละครั้งอาจารย์จะให้เราดูแลกันเองบริหารจัดการเรื่องการหาแม่ครัวมาทำอาหาร ซึ่งฝ่ายติดต่อได้ป้าอ้วนที่เป็นเจ้าของร้านอาหารในมหาวิทยาลัยมาด้วยตัวเองพร้อมลูกมือเป็นหญิงสองคน สูงวัยคนและเป็นสาวน้อยคนชื่อน้องแป้งและมีเจ้าตัวซุกซนกวนประสาทเป็นเด็กชายอายุ 5 ขวบชื่อน้องบอยติดตามมาด้วย จึงทำให้บรรยากาศในการฝึกงานไม่ใคร่จะเหี่ยวแห้งเท่าใดนัก เพราะโรคอยู่ป่านานของพวกเรามีเป็นประจำคือเห็นเก้งกวางสวยไปหมด เนื่องจากบุรุษเพศทั้งนั้น คราวนี้น้องแป้งคงได้ฟังคารมจากพี่ๆ จนหูชาเป็นแน่ แต่เท่าที่ออกฝึกงานก็เห็นพวกขี้หลีต่างก็ชอบกระเซ้าเย้าแหย่แม่ครัวเป็นประจำอยู่แล้วคงจะแก้เหงาแต่ทุกคนก็ให้ความจริงใจ ไม่มีใครคิดทุศีลแต่อย่างใด เพราะทุกคนล้วนรู้จักความพอดี บรรดาแม่ครัวต่างชินและไม่ถือสาอย่างมากก็แค่ขว้างปาช้อนทัพพีใส่ไล่ไปไกลๆ โรงครัวถูกจัดทำขึ้นเฉพาะแยกออกจากตัวอาคารเรือนพักประมาณ 15 เมตร เป็นสัดส่วนดี สำหรับโรงอาหารจะเป็นอีกอาคารซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลนัก....

...........พอพวกเราจัดการเรื่องที่พักเรียบร้อยแล้ว หัวหน้ากลุ่มเรียกประชุมแจ้งให้ทราบว่าที่นี่ไม่มีน้ำใช้ชำระร่างกายต้องจัดหากันเองโดยด้านหลังอาคารจะมีห้วยห่างออกไปประมาณ 30 เมตร น่าจะเป็นห้วยทากกว้างประมาณ 6-8 เมตร แต่เป็นลำห้วยที่แห้งขอด จะมีเฉพาะในฤดูฝน เนื่องจากต้นน้ำป่าถูกทำลายมากอยากได้น้ำต้องลงมือขุดที่ร่องห้วยตำแหน่งที่อยู่ลึกสุด ทุกรุ่นที่มาฝึกงานพากันขุดไม่ถึง 50 เซนติเมตร ก็เจอน้ำแล้ว ขอให้เราไปเบิกวัสดุอุปกรณ์ในการขุด เช่น จอบ เสียม หรือพลั่ว เมื่อขุดเจอน้ำแล้วต้องรอให้ออกมามากและตกตะกอนเสียก่อนค่อยตักใส่ถังพลาสติก จึงจะอาบและแปรงฟันชำระร่างกายได้และให้จัดเวรตักน้ำเข้าไปใส่ตุ่มในห้องน้ำเพื่อชำระปฏิกูลหนักด้วย หากปวดเบาถ้าไม่จำเป็นไม่ควรใช้ห้องสุขา ไปหายิงกระต่ายเอาตามป่าจะสะดวกกว่า เมื่อมีการแจกแจงถึงความจำเป็นและสิ่งที่ต้องทำทุกคนที่เป็นบัดดี้กันต่างแยกย้ายไปรับอุปกรณ์ในการขุดหาขุมทรัพย์ซึ่งทางค่ายได้เตรียมไว้ให้แล้ว.....ข้าพเจ้าได้เดินไปรับเลือกเอาเสียม 1 ด้าม ซึ่งคิดว่าน่าจะเพียงพอแล้วและชวนพิทยาเดินไปที่ห้วยหลังที่พัก ทุกคนต่างกระจายกันเดินตามลำห้วยเลือกจุดที่ตนคิดเห็นว่าเหมาะและน่าจะมีน้ำ ห้วยที่ปรากฏต่อสายตาลึกประมาณ 1-2 เมตร แล้วแต่ตำแหน่ง มีก้อนหินขึ้นอยู่ในลำธาร ระเกะระกะเต็มไปหมดมีขนาดแตกต่างกันใหญ่บ้างเล็กบ้าง ที่พื้นทรายเท่านั้นดูเหมือนจะแห้งขอดแต่ก็ยังมีความชื้นปรากฏให้เห็น ทุกคนต่างถือเครื่องมือขุดและเก็บน้ำต่างแยกย้ายกันเดินลาดลงไปตามระดับของห้วย ข้าพเจ้ามาถึงจุดหนึ่งมีก้อนหินขนาบกัน 2 ก้อนไม่โตนักขนาดเท่าถังน้ำ  20  ลิตร เห็นว่าใช้เป็นที่นั่งอาบน้ำได้ จึงวางถังน้ำ 20 ลิตร 2 ใบ ไว้ข้างแล้วลงมือขุด....การขุด ได้เซาะขอบบ่อเป็นรูปวงกลมรัศมี 20 เซนติเมตร ขนาดปากบ่อกว้างประมาณ 40-50 เซนติเมตร ใช้เสียมขุดไปเอามือโกยทรายขึ้นมากองไว้ข้างบ่อ ลึกลงไป 50 เซนติเมตร แล้วยังไม่พบสิ่งบอกเหตุว่าจะเจอน้ำ เกือบจะหมดกำลังใจพอดีเมื่อรู้สึกว่าสัมผัสกับของเหลวจึงใช้เสียมขุดต่อไปอีก คราวนี้สมใจนึกเห็นน้ำค่อยๆ ผุดขึ้นมาบนดินทีละนิด และค่อยๆ แรงขึ้น เพื่อให้บ่อน้อยเก็บน้ำได้พอบริโภคจึงขุดต่อไปอีก 15 เซนติเมตร แล้วลุกมานั่งปาดเหงื่อ พิทยาหยิบผ้าขาวม้าให้ สำเร็จเสียทีน้ำเริ่มผุดมากขึ้น เราทั้งสองต่างนั่งรอให้น้ำตกตะกอนเสียก่อนสักพักใหญ่ พอน้ำใสก็ใช้ขันตักขึ้นใส่ไว้ที่ถัง 20 ลิตร 2 ใบ จนเต็ม แสดงว่าห้วยนี้น้ำใต้ดินสมบูรณ์มากขุดตรงไหนก็เจอ เสร็จไปหนึ่งเรื่องเก็บเครื่องไม้เครื่องมือแล้วพากันหิ้วน้ำใส่ถังน้ำเล็กขึ้นไปที่เรือนพักเพื่อใช้ล้างมือ น้ำใสมากสามารถใช้แปรงฟันได้ เมื่อขึ้นมาถึงที่พักทำการจัดการหนังสือและเสื้อผ้าให้เป็นระเบียบ พอใกล้เวลา 5 โมงเย็นก็ชวนพิทยาไปอาบน้ำเพราะโรงครัวตั้งโต๊ะอาหารเวลา 17.30 เริ่มรับประทานอาหารเวลา 18.00. เป็นกำหนดเวลาที่ได้ตกลงกัน…..     

..........ข้าพเจ้าคว้าขันอาบน้ำเสร็จชวนพิทยาพากันหอบผ้าขาวม้าและผ้าเช็ดตัว เดินลงไปยังตำแหน่งที่ตักน้ำไว้ แบ่งกันคนละถัง ต่างคนต่างตักน้ำชำระร่างกายน้ำหมดถังเสร็จพอดี แต่ไม่มีน้ำซักผ้าขาวม้า จึงต้องตักน้ำบ่อที่มีไม่มากมาจัดการซักล้างอย่างลวกๆไปก่อน หันมองไปดูกลุ่มที่อยู่ใกล้กันปรากฏว่าล้ำหน้าไปก้าวหนึ่งเพื่อนไม่ยอมนุ่งผ้าอาบเป็นชีเปลือยประหยัดน้ำกว่าเยอะเลย หันมามองพิทยาเห็นเพื่อนส่ายหน้ารีบขึ้นอาคารพักแต่งตัวเข้าโรงอาหาร เดินผ่านโรงครัวแวะทักทายป้าอ้วนหัวหน้าทีม น้องแป้งลูกมือและจอมซนน้องบอย เสร็จจากเรื่องท้องแล้วคืนนี้ไม่มีกิจกรรมอะไรหลับเป็นตาย....

............มาฝึกงานที่นี่ได้ 4 อาทิตย์ยังไม่มีเหตุการณ์ที่น่าตื่นเต้นระทึกใจ มีเพียงพวกเราเจ้าโย่งแว่นกับเจ้าผอมและพวกรวม 4 คน ไปหลงป่าพวกเราต้องตามหากันจนถึง 2 ทุ่ม ไม่เจอ แต่พอรุ่งเช้าเห็นแต่ละคนโซซัดโซเซกลับมาเล่าว่าเมื่อวานไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย จึงรีบไล่ให้ไปโรงอาหารและยังเล่าให้ฟังว่าต้องปีนต้นไม้ขึ้นไปนอนไม่กล้าอยู่พื้นล่าง ทุกคนเมื่อทราบข่าว ต่างโล่งอกนึกว่าเสือคาบไปกินแล้ว คิดว่าคงไม่อิ่มเพราะมีแต่กระดูกเดินได้กันทุกคน และมีเรื่องที่ทำให้พวกเราก็ดีใจมาก เมื่อทราบว่าท่านอาจารย์ ดร.สมศักดิ์ สุขวงศ์ ท่านกลับมาจากต่างประเทศแล้วและมาคุมพวกเราฝึกงาน มาถึงเมื่อตอนเช้าท่านเป็นนิสิตรุ่นพี่ตัวอย่างที่มีความประพฤติดีและเรียนดีจนได้ทุนไปเรียนต่างประเทศจนจบ ได้ปริญญาเอกกลับมาฝากคณะของเรา พิทยาซึ่งแอบชื่นชมท่านจึงชวนไปเพื่อคารวะ ไปถึงบ้านพักเห็นท่านกำลังนอนบนเก้าอี้ผ้าใบตั้งหน้าตั้งตาอ่านพ๊อกเก็ตบุ๊ค อย่างใจจดใจจ่อ ถ้าไม่ได้ยินเสียงของพิทยาท่านคงไม่วางหนังสือลงแน่นอน..!!

                “สวัสดีครับอาจารย์ ผมได้ข่าวว่าท่านมาจึงมากราบคาราวะ” พิทยากล่าวนำ แล้วอาจารย์ก็เปลี่ยนอิริยาบถ เอนตัวนั่งตัวตรงเอาที่คั่นหนังสือแล้ววางไว้ที่โต๊ะข้างๆ รับไหว้ แล้วตอบรับว่า....

                “ขอบคุณทุกคน ไปอยู่ทางโน้นนานก็อดคิดถึงพวกเราไม่ได้พอกลับมารีบเข้าป่าเลยต้องการพักผ่อนเรียนมามากแล้ว นี้ถ้าพวกคุณไม่เรียกผมคงวางไอ้เจ้าหนังสือลงบนโต๊ะไม่ลงแน่ กำลังถึงตอนช้างงาดำพอดี พนมเทียนนี้เขาเก่งนะ พวกเธออ่านกันบ้างหรือเปล่าพิทยาตอบว่าไม่เคยอ่าน แต่สำหรับข้าพเจ้าแล้วนิยายเพชรอุมา ติดงอมแงมเหมือนยาเสพติด หนังสือวางตลาดเมื่อไหร่รีบซื้อทันที....สำหรับท่านอาจารย์กลับมายังผิวชมพูอยู่เลยก็เข้าป่าเสียแล้ว คงอยู่เมืองหนาวนาน หลังจากสนทนากับท่านแล้วก็ขออนุญาตออกนอกสถานที่ไปอำเภองาว เพื่อซื้อของใช้ที่จำเป็นต่อไป....

..............วันนี้เป็นวันอาทิตย์ทุกคนพากันพักผ่อนตามอัธยาศัย บางคนไปเที่ยวตีสนุ๊กที่ตัวอำเภอแต่ก็มีบางพวกรักสงบไม่ไปไหน สำหรับข้าพเจ้าบอกพิทยาว่าจะไปเดินสำรวจสวนสักที่ในนี้หน่อยหาความรู้ใส่ตัว ภายในสวนสักถึงแม้ต้นสักจะผลัดใบหมดดูออกจะเหี่ยวแห้งแต่ธรรมชาติไม่โหดร้ายเกินไปบนคาคบของต้นไม้ใหญ่ริมห้วยบางต้นบานสะพรั่งไปด้วยดอกเอื้องผึ้ง สีเหลืองแซมดำเป็นช่อเสมือนรวงผึ้งไม่มีผิด เบ่งบานอวดอ้างความงามทดแทนไม้ผลัดใบ แต่ก็มีไม้บางต้นเริ่มผลิใบอ่อนมาแต่งเติมความแห้งแล้ง ความที่ตนเองเล่นสนุ๊กไม่เป็นจึงต้องมาเดินชมป่าเป็นพระรามเดินดงแต่ก็สุขไปอีกแบบ ยกข้อมือดูเวลา 16.30 น. จึงเดินตรงไปยังห้องครัวหาเพื่อนคุยก่อนถึงเวลาอาหาร เจอป้าอ้วนกำลังสาละวนกับการเตรียมอาหารเย็นไปตั้งโต๊ะ ซึ่งวันนี้ไม่ต้องรีบเร่งนักเพราะเป็นวันหยุด คงจะมากินไม่ครบคนไม่ต้องเผื่อเหมือนทุกครั้ง ป้าอ้วนชอบคุยปากไม่หยุดเหมือนมือที่จัดการตักแกงส้ม ข้าพเจ้าจึงถามถึงจอมกวนว่าหายไปไหนไม่เห็นมาช่วยย่า ยังไม่ทันที่ป้าอ้วนและน้องแป้งจะตอบ มีเสียงคนร้องและเสียงวิ่งมาทางห้วยที่บรรดานิสิตกำลังไปอาบน้ำ ไม่ใช่ใครที่ไหนจอมซน น้องบอยวิ่งกระหืดกระหอบมาหยุดยืนโอนเอนหายใจหอบถี่ร้องออกมาละล่ำละลักว่า....??

                “พี่แป้งไปดูเร็ว ทำไมอาเถียรจึงเจี้ยวมีหนวด

                สาวน้อยหน้าแดง ข้าพเจ้ารีบเดินออกจากที่นั้น ณ บัดดล

 


Last updated: 2014-12-03 21:43:33


@ ปริศนาธรรม ณ สวนสักห้วยทาก
 


 
     
เชิญท่านเป็นบุคคลแรกที่แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับบทความ ปริศนาธรรม ณ สวนสักห้วยทาก
 
     
     
   
     
Untitled Document
 



LFG
www.lookforest.com|บทความ|โปรแกรมคาร์บอนต้นไม้|ฐานข้อมูลชีวภาพ|เครือข่ายฟาร์มป่าไม้|ติดต่อบรรณาธิการ
Powered by: LOOK FOREST GROUP
23/1 ซอยรัชดาภิเษก 64 แขวงบางซื่อ เขตบางซื่อ กทม.
Clicks: 
1,718

Your IP-Address: 18.216.114.23/ Users: 
1,717