ทำงานใหญ่ต้องรู้จักไว้ใจคนเราเปลี่ยนเมื่อวานไม่ได้ แต่เราทำให้พรุ่งนี้ดีขึ้นได้
 
     
 
สิรินาถฤาจะสิ้นผู้พิทักษ์
ในภาวะสงครามห้ามเปลี่ยนม้ากลางศึก มีปัญหาอะไรจะได้ช่วยแก้ไขเป็นความคิดที่ตรงกับแนวคิดของผู้เขียน หากเราเปลี่ยนหัวหน้าวันใดเราจะต้องเปลี่ยนร่ำไป จนในที่สุดจะหาคนเป็นหัวหน้าไม่ได้...
 

                หนังสือพิมพ์ไทยรัฐฉบับวันเสาร์ที่  20  กันยายน  2557  พาดหัวข่าวหน้าหนึ่งว่า.... หน.สิรินาถ ถูกขู่จนขอย้าย  ทำความประหลาดใจให้แก่บรรดาเจ้าหน้าที่ป่าไม้ที่ปฏิบัติงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต รายละเอียดพอสรุปได้ว่าถูกข่มขู่ทางโทรศัพท์ ทำให้การดำรงชีวิตไม่ปลอดภัย เป็นการถูกคุกคามจากผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ เป็นเรื่องที่น่าสนใจ ทุกท่านคงทราบกันดีอยู่แล้วว่าปัญหาเรื่องการบุกรุกยึดถือครอบครองที่ดินป่าไม้เป็นงานที่แก้ยากมาทุกยุคทุกสมัย ในกรณีเกิดกับประชาชนผู้ยากไร้จะมีการรวมตัวเดินขบวนขับไล่คนเป็นหัวหน้า และผู้บังคับบัญชาก็แก้ไขปัญหาแบบง่ายๆ คือย้ายหัวหน้าออกก็สิ้นเรื่อง ซึ่งปัญหาไม่ได้จบ เป็นการกวาดขยะไว้ใต้พรม แต่ในทางกลับกันหากผู้บุกรุกเป็นผู้มีอำนาจเงินและอิทธิพลผู้บังคับบัญชามักจะขอให้ช่วยอยู่ต่อไปก่อนแต่ไม่สอบถามลวงลึกถึงปัญหาในใจของผู้ใต้บังคับบัญชาว่าหากจะทำงานต่อต้องการให้ช่วยอะไร เพราะผู้ใต้บังคับบัญชามีหลายแบบ บางคนมีปัญหานิดเดียวก็ถอยแล้ว ลองเอาใจเขามาใส่ใจเราดู...

ในกรณีนี้ตามข่าวเห็นว่าจะหาคนมาแทน อาจเอามาจากอุทยานแห่งชาติทับลาน หรืออุทยานแห่งชาติแก่งกระจานแต่เมื่อท่านรัฐมนตรีเจ้ากระทรวงทราบได้ให้ข้อคิดว่าในภาวะสงครามห้ามเปลี่ยนม้ากลางศึก มีปัญหาอะไรจะได้ช่วยแก้ไขเป็นความคิดที่ตรงกับแนวคิดของผู้เขียน หากเราเปลี่ยนหัวหน้าวันใดเราจะต้องเปลี่ยนร่ำไป จนในที่สุดจะหาคนเป็นหัวหน้าไม่ได้...

ถ้าจำเป็นต้องเปลี่ยนจริงๆเนื่องจากความไม่สมดุลย์ระหว่างคู่ หากเป็นมวยงานนี้ฝ่ายตรงข้ามเป็นมวยรุ่นเฮฟวี่เวท เราจะเอามวยไลท์เวทไปประกบเห็นจะไม่ได้ ฉะนั้นควรแต่งตั้งหัวหน้าสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ หรือผู้อำนวยการสำนักอุทยานแห่งชาติของกรมไปทำหน้าที่หัวหน้าอุทยานแห่งชาติอีกหน้าที่หนึ่ง หากยังเอาไม่อยู่แต่งตั้งรองอธิบดีไปทำหน้าที่อีกตำแหน่งก็เป็นได้ งานนี้จำเป็นที่ขุนจะต้องออกศึกเสียแล้ว มีตัวอย่างในอดีต...

ครั้งเมื่อสมเด็จพระนเรศวรมหาราชนำช้างศึกพร้อมจตุบาท 4 นายบุกทะลุทะลวงจนแม่ทัพนายกองติดตามไม่ทัน หลุดเข้าไปอยู่ในวงล้อมของฝ่ายข้าศึกอันมีสมเด็จพระมหาอุปราชเป็นจอมทัพ แต่พระองค์หาเกรงกลัวไม่ด้วยพระปรีชาชาญที่ต้องการจะยุติสงครามให้เร็วโดยเสียเลือดเนื้อกำลังพลให้น้อยที่สุด พระองค์จึงร้องท้าทายไปว่า...

                “เสด็จพี่จะยืนช้างอยู่ใยใต้ร่มไม้ จงไสช้างออกมาทำยุทธหัตถีให้เป็นที่ลือเลืองไปทั่วสากลโลกเถิด

นับต่อแต่นี้ไปจะไม่มีกษัติย์องค์ใดทำยุทธหัตถีเช่นนี้อีกแล้ว”

สมเด็จมหาอุปราชาเมื่อได้ยินดังนั้นด้วยเลือดแห่งขัตติยะจึงไสช้างออกมาทำยุทธหัตถี และก็พ่ายแพ้ไปในที่สุด สงครามจึงยุติลง กำลังพลไม่ต้องรบให้เสียเลือดเนื้อและเวลา ตัวอย่างที่ยกมานี้เพื่อชี้ให้เห็นว่า ขุนต้องเจอขุน จึงเป็นมวยที่ถูกคู่...

กรณีของการขอย้ายของหัวหน้ากิตติพัฒน์ (ฉัตรชัย)  ธาราภิบาลนั้นผู้เขียนในฐานะที่เคยร่วมงานด้วยเมื่อครั้งคุณกิตติพัฒน์ฯบรรจุใหม่ที่ป่าไม้เขตอุบลราชธานีได้ถูกส่งตัวไปอยู่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ศก.2อำเภกิตติพัฒน์ (ฉัตรชัย)  ธาราภิบาลอขุขันธ์ ซึ่งในขณะนั้นผู้เขียนทำหน้าที่หัวหน้าสำนักพัฒนาป่าไม้ที่ ศก.2 ร่วมงานกันปีเศษ (หากท่านอ่านเรื่องต่างๆของทศ  สถาปัตย์ จะอยู่ในเรื่องสำนักตักศิลา ตอนตามรอยแม่เสือ) จึงได้นำคุณกิตติพัฒน์ไปฝากไว้กับอดีตอธิบดีสมชัย  เพียรสถาพร เพื่อสะสมประสบการณ์ นับแต่นั้นมาไม่เจอกันอีกเลย จนมาได้ข่าวทางหน้าหนังสือพิมพ์ ได้เคยสัมผัสกันมาร่วมปีพอรู้นิสัยใจคอ คิดว่างานนี้ไม่น่าจะทำให้ต้องท้อใจ แต่เท่าที่ผู้เขียนเคยปกครองคนไม่เคยมีครั้งใดที่ผู้ใต้บังคับบัญชาถอดใจ แต่ได้สังเกตและประมวลอุปนิสัยใจคอของผู้ใต้บังคับบัญชาแล้วพบว่า การทำงานในด้านดำเนินคดีป่าไม้ส่วนใหญ่จะกลัวการฟ้องกลับของฝ่ายเสียผลประโยชน์ ถ้าคนเป็นหัวหน้าไม่สั่งเพียงอย่างเดียว แต่ร่วมจับกุมตั้งแต่ต้นจนสุดท้ายเด็กทุกคนสู้ยิบตา ในที่นี้หมายถึงหากมีการดำเนินคดีจับกุมไม่ว่าเรื่องไม้หรือการบุกรุก  หากผู้บังคับบัญชาร่วมลงนามในบันทึกการจับกุมและช่วยแสวงหาหลักฐานข้อเท็จจริง  หากมีการต่อสู้คดีก็ร่วมเป็นพยานในชั้นศาล  ผู้บังคับบัญชามีการประสานงานกับพนักงานสอบสวนและพนักงานอัยการ  จะทำให้เกิดความมั่นใจและกำลังใจในการทำงานก็จะกลับมา...

                สำหรับการบุกรุกถือครองที่ดินในพื้นที่อุทยานแห่งชาติที่มีการออกเอกสารสิทธิ์ เช่น โฉนดที่ดิน และ น.ส.3ด้วยแล้วการแก้ไขยิ่งเพิ่มความยุ่งยากไปมาก  ต้องพยายามแก้ไขแกะไปทีละเปราะ อาศัยเวลาและความอดทน  เมื่อผู้ใหญ่ในกรมลงมาเล่นเต็มตัวแล้ว  ผู้เขียนจึงขอส่งกำลังใจให้ และมีความเห็นไม่ต้องย้ายออกจากพื้นที่หรอก  ขอให้กรมอุทยานแห่งชาติฯ ช่วยทำให้พยัคฆ์น้อยตัวนี้ติดปีกได้ก็พอ  ไม่อาจจะเสนอแนะมากกว่านี้เพราะบุคคลที่ลงพื้นที่ล้วนแต่รู้ข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายดีกันทุกคนอย่าเปลี่ยนม้ากลางศึก    นั้นถูกต้องแล้ว และขอฝากไปถึงคุณกิตติพัฒน์  ธาราภิบาล ว่า สู้ต่อไปไม่ต้องกลัว พยายามประสานงานกับพนักงานสอบสวนและพนักงานอัยการ ไว้อย่างต่อเนื่อง  ขอให้โชคดี...

หวังว่าผู้พิทักษ์อุทยานแห่งชาติสิรินาถ ต้องเป็นเจ้าหน้าที่ป่าไม้ หาใช่เจ้าของโรงแรมรีสอร์ทหรูหรือชาวต่างชาติ...!!?


Last updated: 2014-09-27 12:47:11


@ สิรินาถฤาจะสิ้นผู้พิทักษ์
 


 
     
เชิญท่านเป็นบุคคลแรกที่แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับบทความ สิรินาถฤาจะสิ้นผู้พิทักษ์
 
     
     
   
     
Untitled Document
 



LFG
www.lookforest.com|บทความ|โปรแกรมคาร์บอนต้นไม้|ฐานข้อมูลชีวภาพ|เครือข่ายฟาร์มป่าไม้|ติดต่อบรรณาธิการ
Powered by: LOOK FOREST GROUP
23/1 ซอยรัชดาภิเษก 64 แขวงบางซื่อ เขตบางซื่อ กทม.
Clicks: 
1,195

Your IP-Address: 18.117.107.90/ Users: 
1,193