ทำงานให้มองฟ้า เป็นอยู่ให้มองดิน
 
     
 
เกษตรานคร (1)
พวกเราวันนี้สนุกสนานกันเต็มที่เพราะพี่ ๆ จัดให้มีการรับน้องใหม่ โดยลอดตามซุ้ม มีการบูมเสียงดังกระหึ่มไปทั่ว
 

............ปรากฏการณ์ฟ้าหลังฝนเป็นฉันใด  หลังจากที่พวกเราน้องใหม่เสร็จสิ้นจากการถูกต้อน........ก็เป็นฉันนั้น  ท้องนภาบนฟากฟ้าสว่างไสวสีขาวบ้าง  สีครามบ้าง  ยิ่งองค์สุริยเทพเปล่งแสงแรงมากเท่าใดฟ้าสดใสมากเท่านั้น  พวกเราวันนี้สนุกสนานกันเต็มที่เพราะพี่ ๆ จัดให้มีการรับน้องใหม่  โดยลอดตามซุ้ม  มีการบูมเสียงดังกระหึ่มไปทั่ว  จากซุ้มนี้ไปซุ้มโน้นใบหน้าของน้องใหม่ถูกแต้มแต่งสีกันเต็มที่แล้วแต่พี่จะให้ทำอะไร  เป็นการรับน้องที่เหมือนมหาวิทยาลัยทั่วไป  ไม่มีอีกแล้วคำผรุสวาท    บัดนี้  มีแต่มธุรสวาจา  และปิยวาจาจากพี่ ๆ เหนื่อยมาสามเดือนหายเป็นปลิดทิ้งเพียงวันเดียว  การต้อนรับน้องของพี่ ๆ มีกิจกรรมในตอนกลางคืนได้ดนตรีเคยูแบนมาร่วมเต็มวง  มีการละเล่นและเต้นรำเพื่อความสมัครสมานหลังจากโดนพี่ ๆ ต้อนมายาวนาน  ใครเหล่ใครไว้ให้รีบล้างเช็ดถูจักรยานเพื่อเตรียมไปรับนิสิตหญิงที่ตัวเองได้เล็งไว้  เพราะคืนนี้ท่านอาจารย์ ชวนชม  นางพญาแห่งอาณาจักรนี้  ไฟเขียว  ซึ่งนาน ๆ จะมีสักครั้งท่านหวงของท่านยิ่งกว่าจงอางหวงไข่เสียอีก..............!?

                ................หลังหอประชุมคืนนี้ชาวเกษตรจะได้สนุกสนานเสียที  วันนี้ผมมาถึงข้างหลังหอประชุมตั้งแต่หกโมงเย็นแล้ว  เพราะมาตรวจสถานที่ว่าเรียบร้อยดีหรือไม่  ทีมศิลปกรรมองค์การนิสิต  ซึ่งผมเป็นสมาชิกอยู่ด้วยกำลังชื่นชมกับผลงานของทีมเรา................!

                “คุณเอนก  คุณว่าสมบูรณ์หรือยัง”

                “น่าจะใช้ได้นะ  แต่ผมว่าแบลกไลท์ของเราจะน้อยไปหน่อย  แต่ไม่เป็นไรได้ภาพนูนสมใจ”

                “เอนก  ในที่นี้คือ  คุณเอนก  ลิ้มศรีวิไล  หัวหน้าทีมในการจัดทำฉาก  หรือคัทเอาท์หลังเวที  ซึ่งเพื่อนมีฝีมือระดับเซียนในการออกแบบ  ต้องขอชมกันหน่อยละ  เอนกอยู่คณะเกษตร  ไม่เจอกันตั้งแต่จบได้ข่าวว่าสุขสบายดีปัจจุบันเป็นเสี่ยไปแล้วดีใจด้วย....  จม.ผ่านทางส.ม.ก.  สัมพันธ์ถึงกันบ้างก็ได้นะคิดถึงเสมอ.....ในทีมศิลปกรรมของเรามีหลายท่านที่ไม่ได้กล่าวถึงอย่างเพิ่งน้อยใจนะ  แต่จำได้ว่ามีสตรีอรชรอ้อนแอ่นร่วมอยู่ด้วย  เธอคือ  ฮีโรอีน  ซึ่งเป็นขวัญใจพี่ ๆ จะเรียกเธอว่า  น้องนิด  สำหรับผมไม่ค่อยคุ้นเคยกับเธอมากนักเพราะเธอเป็นดาวของรุ่น  อย่างเราเข้าไม่ถึงหรอก  แต่ก็ร่วมงานกันได้เจอกันทีก็ตอนประชุมฝ่ายศิลปกรรมที่ตึกคหกรรมศาสตร์  ผมยังมีความภาคภูมิใจมาจนถึงปัจจุบันนี้เลยว่า  อดีตที่อยู่ในรั้วสีเขียวนั้นได้ร่วมทำกิจกรรม  จึงเป็นผลให้มีเพื่อนต่างคณะมาก  น้อยคนนักจะได้ประสบการณ์ด้านนี้ส่วนใหญ่จะเป็นหนอนหนังสือทั้งนั้น  แต่มีข้อด้อยอยู่คือไม่มีเวลาเข้าห้องเรียน  ผลการเรียนไม่ดีนักแต่ไม่เสียใจอะไร  ปัจจุบันนี้รู้แล้วว่ามหาวิทยาลัยที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกคือมหาวิทยาลัยชีวิตที่เป็นและดำรงอยู่ในขณะนี้............

                “มัวแต่ยืนเหม่ออะไรอยู่ละทศ”

                เพื่อนเอนกเริ่มชวนคุยเพราะเห็นผมนิ่งไปนาน  “กำลังคิดเราน่าจะเพิ่มเติมอะไรอีกหรือไม่  แต่ดูแล้ว  คอมพลีทเรากลับหอเถอะจะได้เตรียมตัวมาเที่ยวงานให้สนุกสักวันเหนื่อยมาพอสมควรแล้วให้รางวัลชีวิตมั้ง”

                ว่าแล้วเราทั้งสองคนก็เดินไปที่เจ้าสองล้อคู่ชีพสีแดง  ควบกลับไปหอด้วยความเบิกบานใจ.......พอถึงรีบรีบอาบน้ำแต่งองค์ทรงเครื่องควานหาชุดตัวที่เห็นว่าใส่แล้วหล่อที่สุด  เพราะวันนี้ให้นิสิตทุคนฟรีสไตล์แต่ต้องเรียบร้อยประเภท  แต่ง  พั่ง  เพิ่งห้ามเด็ดขาด  มิฉะนั้นโดนลงน้ำแน่  พอถึงหลังหอประชุม  บัดนี้มืดฟ้ามัวดินไปด้วยนิสิต  ส่วนใหญ่จะเป็นเฟรชชี่  เพราะกำลังเห่อของใหม่  สมาชิกลูกพระพิรุณพากันมาสนุกสนานร่วมกัน  จักรยานที่มีนิสิตชายหญิงซ้อนกันมาหลายคู่เริ่มทยอยมาตามลำดับ......สปอร์ตไลต์ที่เราให้ช่างไฟติดตั้งข้างหอประชุมทั้งสี่มุม  เริ่มยิงแสงอันเจิดจ้าไปยังฟลอร์ยักษ์ที่พวกเราแบกกันมาจัดไว้ล่วงหน้าแล้ว  คืนนี้คงได้เห็นลีลา  ชะชะชะช่า  และแท้งโก้จากมืออาชีพหลายคนที่ได้แอบฝึกเต้นที่หอเพื่องานนี้โดยเฉพาะ......ขณะที่พวกเรามองกวาดไปบนฟลอร์นั้น  เริ่มพิศวงงงงวย  เพราะมีเก้าอี้รูปลักษณ์เป็นอาสน์ที่สดสวยงดงามยิ่งนัก  ห่างเวทีดนตรีพอประมาณ  ตั้งอยู่บนตั่งสี่เหลี่ยมลายทองขอบแดงเสมือนอาสน์บัลลังค์ของกษัตราธิราชเจ้าในอดีต  หน้าตั่งที่ว่า  มีพรมสีแดงเลือดนกดุจดั่งลาดพระบาทปูลาดตลอดจนสุดฟลอร์  ด้านข้างทั้งสองมีพรมสีเขียวปูไว้ยาวพอที่คนจะนั่งได้ข้างละ  3  คน

                .............รอบ ๆ ฟลอร์  ซึ่งได้ตั้งโต๊ะและเก้าอี้ไว้รับประทานอาหารสำหรับนิสิตทุกคนที่จะเข้ามาร่วมงาน  บัดนี้คนนั่งเต็มไปหมดทั้ง ๆ ที่เราเตรียมไว้มากพอควร  ไม่ถึงสองทุ่มผู้คนยังขนาดนี้ประเดี๋ยวงานเริ่มคงเต็มหมด  คนที่มาหลังจะต้องไปนั่งตามสุมทุมพุ่มไม้เป็นแน่ ๆ .............ผมได้ข่าวว่าคืนนี้จะมีซีเนียร์มาแสดงละคร  นัยว่าล้อเลียนพฤติกรรมและเหตุการณ์ของมหาวิทยาลัยในรอบปีที่ผ่านมา  เป็นรายการที่น้องใหม่ตั้งตารอเพราะเห็นว่ารุ่นพี่มีลูกเล่นลีลาเด็ดนัก..............พอเล่นเสร็จทุคนจะต้องไปกราบขอขมาอาจารย์ที่บทการแสดงอาจจะล่วงเกินท่านไปบ้าง

                “เฮ้ยเมธ  นายว่าเขาจะทำอะไรกันเห็นสร้างฉากยังกับท้องพระโรงของกษัตริย์สมัยอยุธยา  สมัยพระเจ้าตากสินมหาราช  จอมทัพแห่งกรุงธนบุรียังไงยังงั้น  ไม่ผิดเพี้ยนเลย”

                ผมเริ่มปุจฉาไปยังเจ้าเมธ  หรือสุเมธ  ตันติกุลเพื่อนร่วมห้องคณะประมง  .....เจ้าเมธได้วิสัชนาตอบว่า  บางเขนเรามีอะไรแปลก ๆ อย่างนี้และว่ะไอ้นารถ  เดาไม่ถูกว่ะ  !!

                “กูว่าเขาจะพิพากษาตัดสินลงโทษใครอีกก็ได้นายคอยดูแล้วกัน”  เจ้าแก่  อรุณชัย  สมพงษ์  รูมเมดอีกคนคณะเศรษฐ์ศาสตร์  เป็นผู้ไขปริศนาให้...............!?

                เสียงพูดจา  หยอกล้อของบรรดาสมาชิกลูกสีเขียวดังกระหึ่ม  รอบฟลอร์บัดนี้มันเต็มจนเกินพิกัด  ล้นออกมาจนเกือบตกขอบลงคลองรอบ ๆ หอประชุมอันสง่างามของเราชาวเกษตรศาสตร์แล้ว...........

                ..........และแล้วนาทีระทึกใจก็มาถึงจนได้  สปอร์ตไลต์ทั้ง  4  ดวง  ที่ส่องแสงลงบนฟลอร์  เจิดจ้ามาตั้งแต่หกโมงเย็น  บัดนี้ได้ปิดตัวมันเอง  เทพเจ้าแห่งรัตติกาลมาเยือนทันที  ดีว่าคืนนี้ท่านพ่อพระพิรุณท่านบังคับพญานาคราช  ราชพาหนะเคลื่อนตัวหนีจากสถานที่นี้โดยพลัน  เพื่อให้ลูก ๆ ได้สนุกสนานมิเป็นอุปสรรค  หรือสร้างความกังวลให้แก่พวกเรา  ขอขอบคุณท่านพ่ออย่างสูง  ท่านไปแล้ว  ยังห่วงพวกเราเกรงว่าบรรยากาศในงานจะร้อนจนงานไม่สนุก  ท่านยังได้ขอร้องพระพายสหายรักของท่านมาร่วมงานด้วยลีลาที่พลิ้วนำความเย็นสดชื่นบริสุทธิ์สะอาดให้แก่เราอีกด้วย

                ...........ท่ามกลางความมืดพวกเราทุกคนเงียบกริบ  แม้เข็มตกลงพื้นฟลอร์ก็ได้ยิน  มันเป็นบรรยากาศที่อึมครึมน่าสะพรึงกลัวยิ่งนักมีแต่ที่ความเงียบปราศจากสรรพเสียงของมนุษย์  คงไว้แต่เสียงหริ่งเรไรของแมลงยามค่ำคืน  บัดดล  สุรเสียงความดุดันดังจากลำโพงของเครื่องเสียงก็กังวานขึ้นเป็นเสียงทุ้มกังวานมีอำนาจแผดดังขึ้น  ดุจดังพระยาฉัททันต์  ยามตกมันมิปาน................!!

                “สมเด็จพระราชาแห่งเกษตรานครเสด็จแล้ว  ข้าทาส  บริวาร  และประชาราษฎร์ชาวเกษตรานครอันเป็นที่รักจงนั่งลงถวายพระพร  โดยพร้อมเพรียงกัน”    ........พอสิ้นสุดเสียงสั่งได้ยินเสียงกระทบของอาภรณ์พรรณอันสวยงาม  เหล่านิสิตทุกคนที่ต่างรีบนั่งคุกเข่าลงโดยพร้อมเพรียงกันเป็นที่น่าอัศจรรย์ใจยิ่งนัก  ทั้งที่พวกเรามิได้เตรียมกันมาก่อนแต่อย่างใด  แสดงให้เห็นถึงความพร้อมเพรียงและสามัคคี  หลังจากถูกต้อนมาอย่างหนัก.....!

                ............พลันทันใดสปอร์ตไลต์ทั้ง  4  ดวง  ก็เปล่งพลังงานอันเปลี่ยนจากความร้อนมาเป็นแสงสีขาวนวลจ้าส่องลงตรงมาที่กลางฟลอร์   .........บนคลองจักษุของเราชาวบางเขนทุกคน  ตรงหน้าบัดนี้บุรุษนายหนึ่งนั่งบนตั่งอาสน์มีเศวตฉัตร  ตั้งไว้ด้านหลังอย่างสง่างาม  ชายชาติอาชาไนย์ที่นั่งอยู่  แต่งองค์ทรงเครื่องแห่งกษัตราธิราชมงกุฏเหนือพระเศียร  สวมไว้ด้วยพระมงกุฎประดับด้วยเพชรพลอย  เปล่งแสงแวววับกระทบนัยน์ตาของเราสวยงามสง่ายิ่งนัก..............!!

                บนพรมข้างซ้ายแลขวาปรากฏชายฉกรรจ์  นั่งหมอบอยู่ด้านละ  3  นาย  แต่งกายท่อนล่างด้วยโจงกระเบนผ้าสีเขียว  เสื้อราชประแตน  เป็นสีเหลือง   ...........ทำให้อดคิดถึงแม่นนทรีของเรา  ใบสีเขียว  ดอกสีเหลือง  สดสวยตามธรรมชาติ................?

 


Last updated: 2014-08-09 06:55:15


@ เกษตรานคร (1)
 


 
     
เชิญท่านเป็นบุคคลแรกที่แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับบทความ เกษตรานคร (1)
 
     
     
   
     
Untitled Document
 



LFG
www.lookforest.com|บทความ|โปรแกรมคาร์บอนต้นไม้|ฐานข้อมูลชีวภาพ|เครือข่ายฟาร์มป่าไม้|ติดต่อบรรณาธิการ
Powered by: LOOK FOREST GROUP
23/1 ซอยรัชดาภิเษก 64 แขวงบางซื่อ เขตบางซื่อ กทม.
Clicks: 
1,498

Your IP-Address: 98.80.143.34/ Users: 
1,497