การหนีปัญหาเป็นสิ่งที่ดี แต่การเผชิญหน้ากับมันย่อมดีกว่า
 
     
 
เหินเวหาท้ามรกตนที ตอนที่ 1
แสงแห่งองค์จันทราต้องมาสัมผัส สีออกจะทะมึนไม่น่ารัก ซ้ำยังน่าสะพรึงกลัวเสียอีกน่าสงสาร
 

........เหมันต์ฤดูยามค่ำคืนนี้มันช่างทรมานทรกรรมเสียจริงๆ  ก่อนเข้านอนต้องอาบน้ำถึงสองครั้ง  มันจะบ้าไปมากแล้วไอ้โลกบูดๆเบี้ยวๆใบนี้  แต่เราเลือกเกิดไม่ได้จำเป็นต้องอยู่  เมื่อใดเขาให้ไปจับจองที่ดินในดวงจันทร์ก็จะพยายามหาเงินไปซื้อให้ได้  ตื่นขึ้นมากลางดึกทีไรเพ้อฝันเพี้ยนอย่างนี้ทุกทีไม่รู้มันเป็นอะไร  ยังไม่ทันได้ปรับจิต  ปรับใจ  หูหาเรื่องมันได้ยินเสียงแก๊ง ๆ  นับได้  4 ครั้ง  เอาล่ะซิ!  เวลาเลยดึกใกล้สางเต็มทน  รู้ก็รู้ว่าตื่นตอนนี้มันหลับยาก  สวรรค์ไม่เห็นใจเราเลย  เอาละว่ะ    เมื่อตื่นแล้วมันหลับยากก็คิดเสียว่าฟ้าเขาให้เวลาเรามากกว่าคนอื่น  จะได้มีเวลาทำกิจกรรมมากกว่าแต่พระเจ้าไม่ยุติธรรมเลยนี่หว่าไม่รู้มาพิศวาสอะไรเรานักหนา  ก็รู้อยู่แล้วว่าเรามันคนไม่เอาถ่าน 

                ......ขณะใจกำลังตำหนิผู้อื่นอยู่นั้นไม่ทันที่จะสลัดผ้าห่มออกจากกาย  ได้ยินเสียงอื้ออึง  โวกเวก  เอะอะลั่นหอไปหมด....

                “ตื่นๆ  ตื่น  นอนอะไรกันนักหนา  เพิ่งจะหัวค่ำ  หนังสือหนังหาไม่อ่าน”

                “พ่อแม่ส่งมาเรียนนะน้อง  ไม่ได้ให้มาเสวยสุขแล้วอย่างนี้มันจะสอบผ่านยังไง

                “ตะวันโผล่ตั้งหลายดวงแล้วยังคลุมโปงอยู่อีก  เสียข้าวสุกโว้ย”

                “แต่งตัวเร็ว  เอาให้มันเรียบร้อยหน่อยนะ  ไอ้ชุดนอนบางๆ นะไม่ต้อง  ที่นี้ไม่มีเกย์  ไม่มีตุ๊ด”  ผมนั้นมันตื่นแล้วทั้งกายและใจแต่เพื่อนๆซิกำลังงัวเงียอยู่กันทั้งนั้นเลยไอ้เมธฯจอมขี้เซาส่งเสียงโวยวายทั้งยังไม่โผล่หัวออกมาจากผ้าอย่างฉุนเฉียว.........

                “มันอะไรกันวะเวลาหลับเวลานอน  อยากโวยให้ไปโวยข้างนอก  ข้าจะนอนไอ้นารถดูหน่อยใครมันเมาไม่เกรงใจส่วนรวม  เอามันถีบน้ำหรือก็เอาไปทำปุ๋ย”  ผมเห็นไอ้เมธมันโวยโดยไม่รู้อะไร รีบเอามืออุดปากมันกระซิบที่หูว่า........

                “เฮ้ย  เมธฯนายหุบปากนรกแตกแล้ว  คืนนี้ยมทูตมาเต็มหอไปหมด  เดี๋ยวโดนลุยกะบะขี้ไก่อีก  จะว่าเพื่อนไม่บอก”  พอสิ้นเสียงผมเท่านั้น  ไอ้เมธมันเงียบสนิทได้ยินเสียงลมหายใจเฮือกใหญ่ของมัน  ได้ผลชงัด  ความน่าสะพรึงกลัวในขณะนี้ไม่มีอะไรน่ากลัวเท่าคำว่า  “รุ่นพี่”  อีกแล้ว  รอบๆ  หอมีแต่รุ่นพี่เดินถือคบเพลิงคนละดุ้น  สวมเสื้อกั๊กสีแดงลายเสื้อเต็มไปด้วยยันต์  ไม่ทราบว่าได้มาจากวัดหรือกรุไหนก็ไม่รู้  แล้วแต่ละคนจะเพี้ยนทำกันทุกคนเดินขวักไขว่เต็มหอไปหมด  หน้าตาพยายามทำให้หน้ากลัว  ลงทุนถึงกับใช้ถ่านจากหม้อดินละเลง  ดูไปแล้วกลัวก็กลัว ขำก็ขำ ปัญญาชนเขาเล่นกันแบบนี้เอง  แต่เมื่อทุกคนแสดงความเอาจริงเอาจังสามัคคีกัน  มันมีพลังพอที่จะทำให้พวกเราเกรงขามไม่กล้าโวยวาย..........

                 “ทุกคนมาเข้าแถวหน้ากระดานเรียงสองเร็ว  ปฏิบัติ”

พวกเรารีบวิ่งกรูออกจากห้อง  เสมือนมดหนีออกจากรังเมื่อยามมีภัยมา  ฉันใดก็ฉันนั้น.... !!

                “ทุกคนซ้ายหัน  ปฏิบัติ”

                “หน้าเดินตามหัวหน้า  ทิ้งระยะให้สบายๆ  คืนนี้มีกิจกรรมฉกาจฉกรรณ์ที่พวกคุณต้องรับรู้และจดจำไปจนวันตาย”

                ......อะไรกันอีกละนี้  ทำไมเรื่องมันถึงมากมายอย่างนี้  ผมได้แต่นึกในใจไม้กล้าบ่นให้ใครได้ยินมันอันตรายถึงกับขั้นเสียเหงื่อไปหลายขันเชียวละนายทศเอ๋ย  โดนมาครั้งหนึ่งแล้ว  ถ้าครั้งนี้โดนอีกไม่รอดแน่พ่อแก้ว  แม่แก้ว  ทุกคนต่างเดินทางตามหัวหน้าหอไปอย่างสงบ  วันนี้แม้จะเป็นคืนเดือนหงายแต่เพลานี้ย่ำรุ่งแล้ว  ไก่แก้วเริ่มขานขันเสียงเจื่อยแจ้วมาตามกระแสลม  เข้าสู่โสตประสาทมันช่วยให้สบายใจได้  พอสมควร  ปัญหามันอยู่ที่ว่าวันนี้มีอะไรเกิดขึ้น  มันบั่นทอนจิตใจมาก......ผ่านหอหญิงมาก็แล้ว  พอพ้นหอหญิงมาเท่านั้นละ  สมองอันกระจ่อยร่อย  และดวงตาเริ่มจับภาพได้เห็นคนเต็มไปหมด    ที่แห่งนั้นไม่ใช่สิ่งประหลาดมหัศจรรย์  อันดับ 7  ของโลกแต่อย่างไร  ประมาณได้ว่ามีกลุ่มบุคคลจำนวนมาก  รายล้อมอยู่ที่สระเขียวขจีของเรานั้นเอง  เอาละได้ความแล้วคอยมานานว่าจะได้เห็นประเพณี  “ถีบน้ำ”    อันศักดิ์สิทธิ์ที่พวกเราโหยหาจะปรากฏ    บัดนี้...  ตามมาได้เลยน้องมก.  รุ่นใหม่ทั้งหลาย   ... !!?

                .........ตัดตอนย้อนยุคมายังสระเขียวขจีเราชาวบางเขน  ให้บรรดาท่านทั้งหลายได้รู้ไว้  สำหรับท่านผู้รู้อยู่แล้วก็ขอพระอภัยมณีมาที่นี้ด้วย  ตำนานเล่าขานกันมาว่าสระแห่งนี้  เป็นสระว่ายน้ำของนักกีฬาว่ายน้ำมายาวนานแล้ว  เนื่องจากขาดงบประมาณในการสร้างใหม่  สระน้ำเขียวมรกตแห่งนี้  มันเป็นทั้งสถานที่สร้างและเป็นสถานที่ลงทัณฑ์เหล่านิสิตที่มีพลังมากทั้งหลาย  มันให้คุณมากกว่ามีโทษ  ทั้งๆ  ที่ใครเห็นแล้วจะต้องเมินหน้าหนี  กายภาพของสระน้ำถูกสร้างขึ้นมาตามสเปกของสระว่ายน้ำมาตรฐานทั่วๆไป  เพียงแต่ตอนนี้มันเก่ามาก  พื้นผิวขอบสระมิได้สูงและมีอัฒจันทร์สำหรับนั่งดูหรือเชียร์เหมือนสระน้ำของนักกีฬาในปัจจุบัน  ขอบสระราบเรียบ  อยู่ระดับเดียวกับถนนราดยางข้างองค์การนิสิต  ติดกับคาเฟทีเรีย  รอบๆสระบัดนี้มันชำรุดจนต้องใช้ไม้ตียื่นไปในสระประมาณ  50  เซนติเมตรเพื่อให้นักกีฬาไว้ว่ายมาเกาะยามพักเหนื่อยดูอนาถามาก  น้ำในสระนั้นมีสีเขียวเข้ม ยามใดที่ต้องแสงแห่ง  องค์สุริยันสะท้อนให้เห็นแววแห่งความสดสวยและสดใสบ้าง  ยามใด

                แสงแห่งองค์จันทราต้องมาสัมผัส  สีออกจะทะมึนไม่น่ารัก ซ้ำยังน่าสะพรึงกลัวเสียอีกน่าสงสาร

และเห็นใจสระเขียวขจีที่รักยิ่ง  เพราะตัวตนอณูของน้ำแทบไม่เคยได้ถ่ายเทเลย  นานๆจะบำรุงรักษาให้สบายตัวเสียบ้าง  ไม่ใช่อะไรครับพี่น้อง  มุกเก่าขาดงบประมาณในการดูแล  ยามใดที่เธอไม่สดใสเต็มไปด้วยโรคาพยาธิก็ได้แต่เติมคลอรีนลงไป  จนคนลงเล่นขึ้นมาดวงตาดังเปลวไฟทุกคนไป  จนนิสิตต่างไม่กล้าไปว่ายน้ำเพื่อออกกำลังกาย  ผมเคยไปเล่นน้ำอยู่หนหนึ่ง  รู้สึกว่าการเคลื่อนตัวในน้ำนั้นเหมือนมีแรงดึงผิวหรือมีมือปีศาจคอยฉุดร่างไว้ น้ำหนึดมากเพราะเต็มไปด้วยคลอรีนและตะไคร่น้ำปะปนไปทั้งสระพอขึ้นจากสระน้ำแสบตาไปหมด  ดูกระจกตาเริ่มแดง  เข็ดจนตาย  ไม่ไปว่ายอีกเลยมิน่าเล่าที่เขาเล่าลือกันในสมัยนั้นว่า  นักกีฬาว่ายน้ำจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เป็นแชมป์แทบทุกปี มันมีเหตุผลอ้างอิงเป็นวิทยาศาสตร์ได้ เพราะน้ำในสระมันมีความหนึดหรือเดนซิตี้สูง พอเราแข่งขันที่สระว่ายน้ำของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นักกีฬาว่ายน้ำของเราพอกระโดดลงสระจึงได้ดำผุดดำว่ายอย่างสนุกสนานเหมือนปลากระดี่ได้น้ำ สัญญานการแข่งขันดังขึ้นเมื่อใด  บรรดานักกีฬาเกษตรเราพุ่งออกจากฝั่งดุจฉลามร้ายได้กลิ่นคาวเลือด  ฉันใดฉันนั้น  ไม่ชนะตอนนี้จะไปชนะตอนไหนน้ำสระจุฬาฯใสยัง  กับตาตั๊กแตน มิน่าเล่า......... !!?

 

 


Last updated: 2014-04-14 23:01:05


@ เหินเวหาท้ามรกตนที ตอนที่ 1
 


 
     
เชิญท่านเป็นบุคคลแรกที่แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับบทความ เหินเวหาท้ามรกตนที ตอนที่ 1
 
     
     
   
     
Untitled Document
 



LFG
www.lookforest.com|บทความ|โปรแกรมคาร์บอนต้นไม้|ฐานข้อมูลชีวภาพ|เครือข่ายฟาร์มป่าไม้|ติดต่อบรรณาธิการ
Powered by: LOOK FOREST GROUP
23/1 ซอยรัชดาภิเษก 64 แขวงบางซื่อ เขตบางซื่อ กทม.
Clicks: 
1,577

Your IP-Address: 98.80.143.34/ Users: 
1,576