เรียนรู้จากความผิดพลาดของคนอื่นจะได้ไม่ต้องเรียนรู้จากความผิดพลาดของตนเอง
 
     
 
เกมส์ชิงดำ ตอน 2
นั่งก่อนซิคุณทศ ชอบอะไรสั่งได้เลยนะเต็มที่ เรามันคนกันเอง น้ำเปลี่ยนนิสัยเอาอะไร เรมี่มาแตง หรือไง
 

“นั่งก่อนซิคุณทศ  ชอบอะไรสั่งได้เลยนะเต็มที่ เรามันคนกันเอง น้ำเปลี่ยนนิสัยเอาอะไร เรมี่มาแตง หรือไง”

                “ขอบคุณครับเสี่ย ก่อนอื่นผมต้องการทราบว่าเสี่ยต้องการพบผมเรื่องอะไร”

                “ไม่เอาน่าคุณทศ  ธรรมเนียมจีนเขาต้องรับประทานก่อนแล้วจึงคุยเรื่องงาน”

                “ถ้าอย่างนั้น ผมขอเครื่องดื่มเป็นวิสกี้ เพราะผมไม่ถนัดบรั่นดี”

ข้าพเจ้าขัดไม่ได้รีบตอบรับทันที เพราะจะได้เริ่มเรื่องได้…

                “เฮ ! บ๋อย ขอชีวาสขวด วิสกี่ก็ดีเหมือนกัน เพราะผมก็ถนัดทางนี้เหมือนคุณ”

ว่าแล้วเสี่ยปรีชาก็รีบสั่งตามที่ข้าพเจ้าร้องขอ ไม่ทราบว่าเป็นจิตวิทยา หรือเปล่าที่ตามใจข้าพเจ้า  ขณะที่บ๋อยกำลังสาระวลอยู่กับการชงน้ำเมาอยู่นั้น เสี่ยปรีชาก็ชวนคุยไปเรื่อย ส่วนมากจะถามประวัติความเป็นมาของข้าพเจ้าเสียส่วนใหญ่ มาตอนท้ายจึงได้เข้าเรื่องเสียที…

                “คุณทศ ผมขอบอกคุณให้ทราบว่างานที่ผมประมูลได้ มีคนมาขอซื้อช่วงกับผมไปแล้ว เขาเป็นคนสุรินทร์เหมือนคุณ แต่อยู่ต่างอำเภอกับคุณ เขาอยู่อำเภอสำโรงทาบ ชื่อวิชาญ วันนี้เขาติดธุระมาไม่ได้ไม่อย่างนั้นคงจะได้รูจักกันไว้เสียเลย จะได้ไม่ต้องเสียเวลาทำความรู้จักกันทีหลัง น่าเสียดาย ต่อไปคุณจะต้องติดต่อกับคนคนนี้ตลอดไป อาจจะไม่พบผม หรือถ้าจังหวะดีๆ เราคงได้พบกัน ผมฝากด้วยแล้วกัน มีอะไรก็อลุ่มอะหล่วยกันไป บ้างนะผมทราบมาว่าคุณออกจะตรงไปหน่อย”

                “เสี่ยไม่ต้องกังวลใจ ขอให้ทำงานให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับทางราชการ ผมไม่มีปัญหา อำนวยความสะดวกเต็มที่”

                เราทั้งคู่พร้อมแม่สาวน้อยหน้าตาจิ้มลิ้ม ต่างดื่มกินกันอย่างสนุกสนาน พอได้เวลาประมาณ ห้าทุ่ม ผมรีบขอตัวกลับ เพราะ ปล่อยให้แม่บ้านอยู่คนเดียว ทำให้เสี่ยประชาซึ่งกำลังสนุกต้องหมดสนุกไปพักหนึ่ง…

                “ผมกำลังจะชวนคุณทศ ไปต่อที่บาร์อยู่พอดี แต่เอาละ เมื่อคุณทศต้องกลับบ้านผมไม่ขัดละ แต่ขอบอกเป็นคำสุดท้าย นะว่า มีอะไรให้ผมช่วยเหลืออย่าลืมก็แล้วกัน คุยกับคุณออกรสดี พูดตรงไปตรงมา ผมชักชอบคุณแล้วซิ หวังว่าคงได้พบกันอีก”

                แล้วข้าพเจ้าก็รีบร่ำลา และเดินออกจากร้านมาอย่างสบายใจที่ เสี่ยประชาไม่ได้ขออะไรที่มันทำให้หนักใจ ดูๆไปก็นักเลงดี ต้องมองโลกในแง่ดีไว้ก่อนจะได้นอนหลับสบาย พอถึงบ้านหัวก็ถึงหมอน เข้าสู่ภวังค์ทันที อาจจะเนื่องมาจากได้เจ้าฤทธิ์ วิสกี้ชั้นดี ชีวาส ก็เป็นได้…

                วันนี้ตื่นสายไปหน่อย  คงเพราะจะผลมาจากเมื่อคืน เพื่อไม่ให้เสียงาน รีบอาบน้ำแต่งตัว ในสมัยนั้น นำหนักเพียง 52 กิโลกรัม เท่านั้น ยังนุ่งไอ้เจ้าตัวเก่งแรงเล่อร์ตะเข็บลูกโซ่ ซึ่งได้มันมาจากการไปหาซื้อที่เซนทรัลวังบูรพา สมัยอยู่เกษตร  และนำมาแก้เป้าที่ประตูน้ำ ซึ่งซีดมาก หัวเข่าปะแล้วปะอีก เมื่อใส่เสื้อยืดแล้วก็คว้าเจ้าแจ๊กเก๊ต ก็ไอ้ยี่ห้อเดียวกันนั้นแหละ  สมัยเป็นนิสิตมันฮิตนักใส่ให้มันคุ้ม จูงเจ้าปีศาจดำ แมงกะไซด์ที่ทางราชการซื้อให้ใช้งาน  ออกมานอกบ้านโดดขึ้นคร่อมได้มือขวาแตะไปที่คันเร่ง บิดกุญแจพร้อมกับถีบคันสตาทร์สุดแรงเกิด เจ้าปีศาจดำมันคำราม บึ้ม! บึ้ม!  พร้อมกับทะยานออกไปสุดแรงเกิดด้วยพละกำลังเต็มพิกัด 125 ซีซี ซึ่งในสมัยนั้นนับว่าแรงมากไม่ถึง 40 นาที มันพาข้าพเจ้ามาถึงที่ก่อสร้างหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ สร.2  มันแปลกนะหน่วยยังสร้างไม่เสร็จเลย ดันมีชื่อเสียแล้ว ก็แปลกดี หาที่จอดรถใต้ร่มไม้แล้วรีบถอดหมวกใหมพรมถักออกแล้วรีบลงเดินไปยังที่ก่อสร้างบ้านพักพนักงานสามครอบครัว เพราะสังเกตุเห็นว่ามีผู้ชายหลายคนชุมนุมกันอยู่ที่นั้น ถึงจุดหมายก็พบกระทายชาย นายเบี้ยว เดินออกจากวงมา…

                “หัวหน้าทศครับ เสี่ยวิชาญ มารอพบหัวหน้าอยู่พอดี รออยู่ที่โน้นแนะ”

ว่าแล้วนายเบี้ยวก็ชี้มือไปทางด้านหน้าของข้าพเจ้า ทำให้ต้องรีบเดินไป เพราะไม่ค่อยชอบให้ใครมารอโดยไม่จำเป็น เพราะทุกคนเกลียดการรอคอยเป็นที่สุด … พอถึงจุดหมายปลายทาง คือที่ก่อสร้างบ้านคนงาน ชายรูปร่างไม่สูงนักประมาณว่า 160 ซม. ผิวขาวแสดงชัดเจนว่ามีเชื้อสายมาจากจีนแผ่นดินใหญ่เพียงแต่ว่าเกณฑ์อายุไม่น่าจะเกินเบจเพศ  รูปหน้ากลมออกไปทางคางเหลี่ยม จากการประมวลภาพแล้วคงจะไม่เขี้ยวยาวจนต้องนั่งเงยหน้าเหมือนบางคนเป็นแน่  พอเจ้าหนุ่มเห็นหน้าข้าพเจ้า ก็รีบเดินเข้ามาหา พร้อมกับยกมือไหว้แสดงการคารวะ ในฐานะผู้อ่อนเยาว์กว่า…

                “หัวหน้าทศใช่ไหมครับ ?  ผมวิชาญ ลูกน้องเสี่ยประชา ดีใจที่ได้พบหัวหน้าผมว่าจะไปคารวะพี่ที่บ้านแล้วเชียว ถือว่าเป็นโชคของผมได้พบหัวหน้าก่อนกำหนด”

                เจ้าหนุ่มไม่รอท่ารีบฝากเนื้อฝากตัวตามตำราพ่อค้าที่ดีทำคะแนนไว้ก่อน…

                “ผมทราบจากเสี่ยประชาแล้วว่าคุณซื้อช่วงจากแกไปแล้ว  ฝากให้ผมช่วยดูแลด้วย”

                “ครับหัวหน้า ผมเพิ่งหัดเป็นผู้รับเหมา ยังไม่ชำนาญงานดีนักได้เสี่ยนี้แหละให้งานผมทำ และยังฝากพี่เบี้ยวให้เป็นพี่เลี้ยงอีกด้วย นับว่าเสี่ยใจป้ำพอสมควร ถ้าผมผ่านงานนี้ไปได้ คงจะได้งานอีกจมเลย ผมจะพยายามทำให้ดีที่สุด”

                “เอาละคุณวิชาญ  เรามันอายุอานามใกล้เคียงกัน ผมอาจจะอายุมากกว่าคุณก็คงไม่เกินสามปี มาเปลี่ยนวิธี เรียกกันใหม่ดีกว่า คุณเรียกผมว่าพี่ทศก็พอ ส่วนผมจะเรียกคุณว่าชาญ เฉยๆ ก็แล้วกันเป็นกันเองดี”

                เมื่อคุยกันตกลงกติกากันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ข้าพเจ้าเดินตรวจสถานที่ก่อสร้างงานเดินไปได้ในระดับหนึ่ง คือ งานปูนเสร็จหมดแล้ว ผู้รับเหมาตั้งเสาคอนกรีตครบทุกอาคารแล้ว ข้าพเจ้าได้บันทึกกันไว้เป็นหลักฐาน เพื่อเตรียมไว้ให้คณะกรรมการตรวจรับการจ้างได้ดูภายหลัง  งานต่อไปเป็นงานตั้งเสาไม้ เพราะเป็นบ้านอาคารไม้ใต้ถุนสูง แบบระบุให้ใช้ไม้เนื้อแข็งเป็นเสาหน้าแปดนิ้ว คานตงพื้นเป็นไม้เนื้อแข็งหมด ไอ้ความสำคัญมันอยู่ที่ตรงนี้ พอตรวจงานก่อสร้างเสร็จเสร็จ ข้าพเจ้ารีบควบเจ้าปีศาจดำไปยังหน่วยปรับปรุงต้นน้ำ เพื่อดูงานที่ปลูกป่าต่อว่าเรียบร้อยดีหรือไม่ ปรากฏว่าไม่พบอุปสรรคใดๆ เข้ามาแผ้วพานให้มู้ดดี้… คนงานแจ้งให้ทราบว่าพี่ยศ ป่าไม้อำเภอแวะมาฝาก บอกว่าไม่อยู่อำเภอหลายวันไม่ต้องไปหาเพราะต้องออกตรวจปราบปรามการลักลอบตัดไม้ทำลายป่ากับสายตรวจของจังหวัด ซึ่งมีเจ้าโต้ง หนึ่งคนละที่ข้าพเจ้ารู้จักเป็นเด็กจบใหม่จากโรงเรียนป่าไม้แพร่  ไฟหมอกำลังแรงทีเดียว พี่ยศก็ใช่ย่อย ถึงแกจะแก่แต่ถึงไหนถึงกัน มีความรับผิดชอบสูงมากเป็นบุคคลที่น่าเอาอย่างและน่านับถือ … ในตอนนั้นแม้ทางราชการจะให้สัมปทานทำไม้ กับบริษัทสุรินทร์ทำไม้ และมีเงื่อนไขว่าบริษัทจะต้องดูแลรายงานการลักลอบตัดไม้ไปแล้วก็ตาม บริษัทก็ดูแลไม่ทั่วถึง ยังมีการขโมยลักลอบตัดไม่อยู่อย่างต่อเนื่อง ปราบเท่าไรไม่หมดเพราะราษฎรยังยากจน ต้องการที่ทำกิน และต้องการไม้ในการก่อสร้างและค้าเพื่อนำเงินไปซื้อปัจจัยสี่มายังชีพ…และแล้ว วันแห่งความทรงจำไว้ชั่วชีวิตก็มาถึง  นายเบี้ยว มาพบข้าพเจ้าที่หน่วยนำความของลูกพี่ตัวมาบอกกับข้าพเจ้าว่า เย็นนี้เฮียชาญขอเชิญพี่ทศไปทานข้าวตอนเย็นที่ในตัวเมืองสุรินทร์ เป็นร้านแป๊ะตี้เจ้าเก่า ทำให้ข้าพเจ้าต้องคิดหนัก เพราะการรับเลี้ยงจากผู้รับเหมาเสมือนทำตัวให้ต้องตกเป็นหนี้บุญคุณ จะบอกปัดก็เกรงใจว่าเขาจะเข้าใจว่าเรารังเกียจ และเจ้าเบี้ยวยังกำชับอย่างหนักแน่นว่า…

                “หัวหน้าต้องไปให้ได้นะครับ เสี่ยวิชาญมีเรื่องสำคัญจะคุยกับหัวหน้าเป็นการส่วนตัว”

สิ่งนี้ต่างหากที่มันกระตุ้นต่อมกระสันของความยากรู้ของมนุษย์อันเต็มไปด้วยกิเลส…

                “นายเบี้ยวไปบอกลูกพี่นายก็แล้วกันว่าเจอกันทุ่มครึ่งก็แล้วกัน ใครไปก่อนตามหาเอาตามโต๊ะก็แล้วกัน”

                ไม่รู้ปีศาจซาตานตัวไหนมันดลใจให้ข้าพเจ้ารับปากไปโดยไม่รีรอเหมือนก่อน สังหรณ์หรือสัมผัสที่หกมันได้บอกอะไรกับข้าพเจ้าอีกแล้ว คิดว่าการคาดการณ์ครั้งนี้คงไม่พลาดแน่….

 


Last updated: 2013-10-20 10:02:48


@ เกมส์ชิงดำ ตอน 2
 


 
     
เชิญท่านเป็นบุคคลแรกที่แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับบทความ เกมส์ชิงดำ ตอน 2
 
     
     
   
     
Untitled Document
 



LFG
www.lookforest.com|บทความ|โปรแกรมคาร์บอนต้นไม้|ฐานข้อมูลชีวภาพ|เครือข่ายฟาร์มป่าไม้|ติดต่อบรรณาธิการ
Powered by: LOOK FOREST GROUP
23/1 ซอยรัชดาภิเษก 64 แขวงบางซื่อ เขตบางซื่อ กทม.
Clicks: 
1,322

Your IP-Address: 18.97.14.80/ Users: 
1,321