กรอก email ที่ต้องการส่งแล้วกด Send
อย่าเพิ่งท้อแท้ในสิ่งที่ยังไม่พยายาม และอย่าเพิ่งหมดหวังในสิ่งที่ยังไม่เริ่มต้น
 
     
 
บุกถ้ำเสือ ตอน ๓ อยากได้ลูกเสือใยมิเข้าถ้ำเสือ
สมจินต์มีฝีมือในการเขียนโคลงกาพย์ กลอน และเป็นมือพิมพ์ดีด สำหรับข้าพเจ้านั้นมีฝีมือทางศิลปกรรม วาดรูปทุกชนิดที่จะทำให้เกิดความบันเทิงได้
 

                หลังจากที่แผนการขั้นแรกเสร็จสิ้นลงไปแล้วพวกเราก็ตั้งหน้าตั้งตารอว่าเมื่อไหร่ก.พ.จะอนุมัติตำแหน่งจะแวะเวียนไปถามที่กองการเจ้าหน้าที่บ่อยก็ละอายใจ  เพราะถามบ่อยเหลือเกินและก็ได้รับคำตอบคำเดิม ๆ ว่า  ทำเรื่องไปให้หมดแล้วให้รอหน่อย  2  เดือนผ่านไปแล้วก็ยังไม่เห็นวี่แววว่าจะมีข่าวดีหรือความเคลื่อนไหวใด ๆ ที่พอจะเป็นลางบอกเหตุให้เป็นเป็นความหวังได้  วันนี้ข้าพเจ้ามาทำงานที่กรมสายไปหน่อยเพราะมัวไปเบิกเงินธนาณัติที่ทางบ้านส่งมาให้ใช้ไปพลางก่อน  พอมาถึงกรมฯก็เจอเอาเพื่อนรัก  ประเภทอุดมการณ์เดียวกันเข้าทำให้ดีใจมาก......

                “จินต์  กลับมาจากต่างจังหวัดเมื่อไหร่  เราพยายามติดต่อนายตลอดเวลา”

                “เรามัวไปคุมชาวเขาปลูกป่าอยู่บนดอนโน้น  ไม่รู้เรื่องทางนี้เลย  เป็นยังไงบ้าง”

                สมจิตน์  เรืองกิจ  เป็นเพื่อนนิสิตที่สมัยเรียนสนิทสนมกันมาก  เพราะเราทำงาน  Activity  ด้วยกันในตอนเรียนเราออกหนังสือสิ่งพิมพ์เป็นหนังสือเสียดสีสังคมเกษตร  ชื่อหนังสือว่า  “ขี้เหร่นิวส์”  หรือในนามภาษาต่างประเทศว่า  “อั้กลี่นิวส์”  สมจินต์มีฝีมือในการเขียนโคลงกาพย์  กลอน  และเป็นมือพิมพ์ดีด  สำหรับข้าพเจ้านั้นมีฝีมือทางศิลปกรรม  วาดรูปทุกชนิดที่จะทำให้เกิดความบันเทิงได้  เราร่วมงานกันมาอย่างเอาเป็นเอาตายมาแล้ว  ขนาดทุกคอลัมน์บางฉบับไม่มีนักเขียนประจำส่งต้นฉบับเราสองคนก็เคยเข็นมันออกมาได้เพราะช่วยกันเขียน  โดยสองนักเขียนจำเป็น......  เมื่อสมจินต์สอบถามมา  ข้าพเจ้าจึงได้ชวนสมจินต์ไปกินอาหารกันที่สโมสรกรมป่าไม้แล้วเราก็เริ่มสาธยายยุทธการที่ผ่านมาทั้งหมดให้เพื่อนฟังจนหมดไส้หมดพุง  อัดอั้นมานานไม่ได้ระบายพอมันออกหมดจิตใจเริ่มสงบ  สบาย  สติเริ่มกลับคืนมา  แสดงว่าที่ผ่านมา  ข้าพเจ้าได้พกเจ้าโมหะ  โทษะ  ไว้เต็มตัว......  ไม่เคยสบายเหมือนวันนี้เลย......

                “ทศ  เราว่ามันจะยังไงแล้วนะ  มันนานเกินรอแล้ว  กองการเจ้าหน้าที่เล่นตุกติกอะไรกับเราอีกก็ไม่รู้  เราสังหรณ์ใจอย่างนั้น  มันจะผิดถูกอย่างไร  ช่วยกันหน่อย”

                สมจินต์  ทักท้วงให้เราได้คิดว่าเราควรจะต้องทำอะไรเป็นรอบที่สองมิฉะนั้นแล้วคงไม่สำเร็จ  พอสมจินต์จุดประกายแห่งความคิด  ข้าพเจ้าเริ่มได้ไอเดีย  ครั้งนี้เห็นจะต้องทิ้งทวนเสียที  ยุทธการครั้งนี้เห็นทีจะต้องยืมตำรากำลังภายในมาใช้ได้แล้ว  “หากอยากจะได้ลูกเสือ  ใยมิบุกถ้ำเสือเล่า”  ว่าแล้วเราก็ขยายความคิดให้สมจินต์ฟังว่า  เห็นทีจะต้องขอเข้าพบท่านอธิบดีกรมป่าไม้เสียที  ในตอนแรกที่พวกเราไม่กล้าขอเข้าพบท่านก็เนื่องมาจากเกรงกลัวในบุญบารมีของท่านและท่านก็วางตัวทำให้พวกเราคิดว่าไม่ควรจะไปรบกวนท่าน  และอีกทั้งท่านมีบุคลิกที่ทำให้พวกเราเกรง  และออกจะกลัวที่จะต้องพบท่าน  ลักษณะท่านเหมือนเจ้าขุนมูลนายในสมัยเก่า  แต่เลือดมันเข้าตาแล้ว  อะไรมันจะเกิดก็ต้องเกิด  ตัดสินใจร่วมกับสมจินต์แล้วจึงได้นัดหมายกันในตอนพรุ่งนี้  เวลา  10.00  น.  มาพบกันที่ห้องวางแผนก่อนเพื่อเตรียมตัวเตรียมใจ

                “จินต์นายกินข้าวแล้วหรือยัง  ถ้ายังนายไปกินก่อนดีกว่า  เราขอเวลาไปหาข่าวก่อนว่าอธิบดีท่านมาแล้วหรือยัง”

                ข้าพเจ้าทักสมจินต์เมื่อเห็นเดินมาพบข้าพเจ้าตามนัด  สมจินต์มาตรงเวลาจริงคงจะกังวล  และตื่นเต้นที่จะได้เข้าพบท่านอธิบดีเช่นเดียวกับข้าพเจ้าที่เมื่อคืนกว่าจะหลับตาลงได้ก็เกือบตีหนึ่งล่วงไปแล้ว  ว่าแล้วข้าพเจ้าก็จูงมือสมจินต์    บัดนั้นคือเพื่อนตายของข้าพเจ้าคนเดียวจริงเป็นยังไงเป็นกัน  เมื่อไปถึงหน้าห้องท่านอธิบดี  ตามขบวนการแล้วจะต้องเข้าไปแจ้งเลขาหน้าห้อง  ถามว่าท่านอธิบดีว่างและจะขอเข้าพบได้หรือไม่  เท่าที่ข้าพเจ้าจำได้หน้าห้องเป็นชายอายุราว  30  ปีเศษ  รู้สึกว่าจะมีตำแหน่งพนักงานป่าไม้โท  ข้าพเจ้าไม่รู้จักจริง ๆ

                “พี่ครับผมมุระอยากจะขอความกรุณาพี่  ช่วยเรียนท่านอธิบดีท่านด้วยว่ามีลูกจ้างกรมฯขอความกรุณาพบสักครู่จะได้หรือไม่”

                พอข้าพเจ้าเอ่ยปากถามแกมขอร้องไปได้สักครู่  พี่คนที่เป็นหน้าห้องเงยหน้ามาอย่างช้า ๆ มองข้าพเจ้ากับสมจินต์ตั้งแต่หัวจรดเท้า  พร้อมกับถามเราทั้งสองแบบเนือย ๆ ว่ามีธุระอะไรสำคัญนักหรือทำไมไม่ไปพบรองอธิบดีก่อน”

                “ผมได้ไปพบรองฯมาเรียบร้อยแล้วท่านว่าอำนาจการตัดสินใจอยู่ที่ท่านอธิบดี”

                ข้าพเจ้ารีบตอบแต่ไม่ได้เล่าเรื่องที่จะขอเข้าพบให้ทราบเพราะเห็นว่าเรื่องมันยาว  พบท่านอธิบดีเลยจะดีกว่า  เลขาหน้าห้องเห็นพวกเราเป็นเด็กเลยทำเป็นเดินเข้าไปในห้องแต่ไม่ใช่ห้องท่านอธิบดี  สักครู่ก็เดินออกมาแจ้งผล..........

                “ท่านอธิบดีไม่ว่างงานล้นมือ  พวกคุณมาวันหลังก็แล้วกัน”

                มันเป็นคำพูดที่สั้นห้วน  แต่ในความรู้สึกของข้าพเจ้ามันคือคำพิพากษาขั้นประหารชีวิตเลยทีเดียว  ฟังแล้วในมันห่อเหี่ยว  ซึมไปเลย  สำหรับสมจินต์นั้นปกติเป็นคนใจเย็น  มาถึงตอนนี้หน้าที่เคยแดงกลับซีดลงฉับพลันทันที  สำหรับข้าพเจ้าแล้วเสียใจเพียงแว็บเดียวชินเสียแล้วกับความผิดหวังจากกรมป่าไม้อันเป็นกรมฯแม่ของเรา  มืดแปดด้านเป็นอย่างไรข้าพเจ้าเริ่มซึ้งเอาก็คราวนี้เอง  แขนขาหมดเรี่ยวหมดแรงแทบจะก้าวขาไม่ออก  สมองมึนงงไปหมด  อนาคตมันจะดับวูบไปในครั้งนี้เป็นแน่แท้  เมื่อสติเริ่มเข้ามาเยือนข้าพเจ้าสะกิดสมจินต์ให้เดินตามข้าพเจ้ามา........

                “จะเอายังไงดีละทศ  เราคิดอะไรไม่ออกแล้ว”

                สมจินต์เป็นเพื่อนรักเริ่มถ้อยคำอันแหบแห้งเหมือนบัวแล้งน้ำไม่มีผิด  ข้าพเจ้าก็ไม่ต่างไปจากสมจินต์นักแต่อาศัยประสบการณ์จึงเก็บอาการไว้มิแสดงอาการท้อแท้หรือหมดหวังให้เพื่อนเห็น

                “มันต้องมีทางออกจนได้และนา  ความพยายามอยู่ที่ไหน  ความสำเร็จอยู่ที่นั่น”

                ข้าพเจ้าพูดปลอบใจเพื่อนจินต์ไปทั้ง ๆที่ยังคิดอะไรไม่ออก  รถยนต์  รถมอเตอร์ไซด์  เขายังทำก๊อกน้ำมันสำรองไว้  แล้วใจคนเราไม่มีกำลังสำรองบ้างหรืออย่างไร  ต่อไปนี้มันคงเป็นก๊อกสุดท้ายจริง ๆ  เพราะล้าเต็มทนแล้ว  เมื่อชวนกันไปรับประทานอาหารเที่ยงจนอิ่มแปล้แล้ว  มันเป็นไปตามยุทธพิชัยสงครามจริง ๆ ที่ว่ากองทัพต้องเดินด้วยท้อง  จากเมื่อสักครู่ที่มันมืดมิดมองอะไรแทบไม่เห็น  บัดนี้เสมือนปรากฏแสงเรืองรองขึ้นมาจากปลายถ้ำ  เริ่มจากความริบหรี่ค่อย ๆ สว่างขึ้นมาจนเกิดแสดงสว่างบัดเจิดจ้าขึ้นมาทันที......

                “จินต์  เราคิดอะไรออกแล้ว  เห็นจะต้องใช้วิธีนี้จึงจะได้พบท่านอธิบดี”

                ว่าแล้วข้าพเจ้าเริ่มขยายแผนการเผด็จศึก  คือว่าในช่วงก่อนหน้านี้ประมาณเดือนเศษ  เมืองไทยเราอยู่ในสภาวะตุลาคมทมิฬ  นิสิต  นักศึกษา  ล้มล้างทรราชเสร็จมาใหม่ ๆ นิสิต  นักศึกษากำลังเป็นฮีโร่  ไปไหนก็มีแต่คนต้อนรับและชื่นชม  ข้าพเจ้าเริ่มปิ้งไอเดียนี้เมื่อเห็นพี่ที่ห้องผูกเน็กไทด์สีเขียวมาทำงาน  ข้าพเจ้าจึงได้อธิบายให้สมจินต์ฟังว่าพรุ่งนี้เรามากันใหม่แต่งตัวให้เรียบร้อยผูกเน็กไทด์สีเขียวมาด้วย  แปลงโฉมให้เด็กกว่านี้หน่อยแล้วเราเริ่มต้นใหม่.........

                หน้าห้องอธิบดีกรมป่าไม้  ที่เก่าเวลาเดิม  อะไรจะเกิดขึ้นตามข้าพเจ้ามา....

                “ทศนารถ  สมจินต์  รอเราด้วย”

                ขณะที่ข้าพเจ้าเดินกำลังจะถึงหน้าห้องอธิบดี  ก็ได้ยินเสียงกู่เรียกตามมาข้างหลัง  เราทั้งสองหันไปมองพร้อมกัน  นึกว่าใครที่ไหน  เพื่อนวิทูรย์  เริ่มวิรัตน์  ไม่รู้โผล่มาจากไหน  รถด่วนขบวนสุดท้ายจริง ๆ

                “ทศ  เรารู้เรื่องต่าง ๆ หมดแล้วเราขออาสาเจ้าไปด้วยคนก็แล้วกัน”

                ข้าพเจ้าพิจารณาแล้วเห็นว่า  สามหัวหน้าจะดีกว่าสองหัว  และอีกทั้งเพื่อนทูรย์เป็นคนมีปิยวาจาคงจะช่วยอะไรได้ไม่มากก็น้อย  ว่าแล้วข้าพเจ้าตอบตกลงและให้เพื่อนทูรย์  ซึ่งมิได้แต่งตัวตามพวกเราเดินตามหลังไปพบหน้าห้องอธิบดีโดยขอพบท่านอธิบดีอ้างตัวเองว่าเป็นนิสิตมาจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์มีเรื่องสำคัญจะหารือเกี่ยวกับการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้  โชคดีเป็นของเราที่เมื่อวานนี้หน้าห้องไม่ได้สนใจพวกเรามากนักเพราะเห็นเป็นเรื่องไร้สาระ  จึงจำพวกเราไม่ได้  จึงเข้าไปขออนุญาตปรากฏว่าท่านอธิบดีให้พวกเราเข้าพบ

                พวกเราเดินเข้าไปในห้องท่านอธิบดีด้วยใจที่ไม่เป็นสุขนัก  พวกเราเดินไปยืนตรงต่อหน้าท่านซึ่งกำลังง่วนอยู่กับการเซ็นหนังสือซึ่งกองเต็มไปหมด  เมื่อท่านไม่ได้สั่งให้พวกเรานั่ง  พวกเราจึงยืนอยู่ต่อหน้าท่าน  เมื่อท่านลงนามในหนังสือแฟ้มสุดท้ายเสร็จแล้วท่านก็เงยหน้าขึ้นมา.......

                “พวกเธอมีอะไรจะให้ฉันช่วย  ว่ามา”

                ท่านถามพวกเราด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบแฝงไว้ด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างจะปราณี  ผิดคาดจากที่เราวาดไว้ราวฟ้ากับดิน  ข้าพเจ้าเห็นเป็นโอกาสเปิดให้แล้วมิรอช้า......  เริ่มเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่ได้ดำเนินการไปให้ท่านได้ทราบคงเพียงแต่ไม่ได้เล่าเรื่องที่หน้าห้องไม่ให้เข้าพบเพราะมันไม่ได้เกิดผลดีแต่อาจจะกลับเป็นผลร้าย  ท่านรับฟังด้วยความสงบตั้งแต่ต้นจนจบโดยมิได้แสดงอาการใดออกมาให้เดาได้เลยว่าท่านคิดอะไรอยู่  และเมื่อข้าพเจ้ากำลังเล่าเรื่องอยู่นั้น  เพื่อนทูรย์มีโอกาสได้ร่วมเสริมไปอีกว่าพวกเราลำบากอย่างไร  และไม่เพียงแต่เพื่อนทูรย์สาธยายด้วยคำพูด  เพื่อนทูรย์ยังหลั่งน้ำตาของลูกผู้ชายออกมาให้ท่านได้เห็นอีกด้วย  เป็นการเข้าถึงบทจริง  เมื่อเรื่องราวต่างจบลงท่านก็ได้ให้ความหวัง........

                “เอาละฉันจะรับเรื่องของพวกเธอไว้แจ้งให้ท่าน  พ.อ.จินดา    สงขลา  ท่านได้ทราบในการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติที่สนามม้าในเดือนหน้านี้พวกเธอสบายใจได้”

                เมื่อท่านรับปากพวกเราแล้วข้าพเจ้าสะกิดให้พวกเรารีบลาท่านกลับเพราะรบกวนเวลาท่านมากแล้ว  ได้พบแค่นี้ก็เป็นบุญโขแล้วผลมันจะออกมาอย่างไรก็ช่างมัน.....สุด ๆ แล้วของความพยายาม

                ข้าพเจ้าขอทำความเข้าใจกับท่านผู้อ่านสักนัด  ที่ท่านรับปากว่าจะเจรจากับ  พ.อ.จินดา   สงขลา  นั้น  เพราะว่าท่าน  พ.อ.จินดา  ท่านเป็นเลขาธิการ  ก.พ.  ในขณะนั้น  และทั้งท่านเลขาและท่านอธิบดีได้รับตำแหน่งให้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนในสภานิติบัญญัติแห่งชาติ  เป็นสภาที่ตั้งขึ้นหลังจากการล้มทรราชของนิสิต  นักศึกษา  ประชาชน ...... ท่านทั้งสองเป็นเพื่อนกัน!

                เราทั้งสามเมื่อออกมาแล้วได้ถ่ายทอดสิ่งต่าง ๆ ที่ได้รู้ได้เห็นให้กับสมัครพรรคพวกที่รอคอยฟังข่าวกันอยู่มากพอสมควร  สำหรับข้าพเจ้าไม่หวังอะไรอีกแล้ว  คิดแต่ว่าได้ทำหน้าที่ต่อส่วนรวมเสร็จสิ้นแล้ว  ต่อไปอยู่ที่ดวง  สวรรค์เท่านั้นจะรู้ได้  และแล้วพวกเราก็แยกย้ายกันกลับ

                วันรุ่งขึ้นข้าพเจ้าก็จับรถไฟเดินทางกลับมาตุภูมิ  เสมือนปักษายามหากินจนจบแสงสุริยา  รวงรังเท่านั้นคือแหล่งสุดท้าย  อะไร  อะไรจะสุขใจเท่าบ้านเราเป็นไม่มี.....ถึงแม้จะตกงานก็ตาม  อ้อมแขนของพ่อและแม่ยังรอเราอยู่เสมอ  ข้าพเจ้าเริ่มเตรียมเอกสารเพื่อที่จะสมัครเข้าทำงานแบงค์  เนื่องจากป้าเป็นผู้จัดการ  ท่านถามว่าไม่เสียดายวิชาชีพที่เรียนมาหรือ  ข้าพเจ้าตอบคำถามนี้ไม่ได้  ท่านให้เวลาไปนอนคิดสองสัปดาห์......

                ขณะที่ข้าพเจ้ากำลังอยู่ระหว่างการตัดสินใจนั้น  มันเป็นวันที่เท่าใดจำไม่ได้  จำได้แต่เพียงว่า  กรมป่าไม้มีหนังสือให้ไปรับคำสั่งและหนังสือส่งตัวเพื่อเข้ารับราชการ  ใจของข้าพเจ้าพองโตรีบไปแจ้งให้ป้าทราบว่า  ข้าพเจ้าเลือกที่จะรับใช้วิชาชีพที่ตนเรียนมา  และแล้วก็รีบเดินทางไปกรุงเทพฯ  ตรงดิ่งไปหาเพื่อนรัช  ซึ่เช่าบ้านอยู่หน้าบริษัทเสริมสุข  คลองจั่น  พอไปถึงเจอเพื่อนกำลังนั่งดูคำสั่งกรมป่าไม้  ข้าพเจ้ายังจำได้ว่ามันเป็นคำสั่งกรมป่าไม้ที่  82/2517  เป็นคำสั่งบรรจุแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนวิสามัญชั่วคราว  เพื่อทดลองปฏิบัติราชการ  จำนวนทั้งสิ้น  68  นาย  โดยบรรจุทั้งนี้ตั้งแต่วันที่  2  มกราคม  2517  สั่ง   วันที่  22  มกราคม  2517  ลงนามประดิษฐ์  วนาพิทักษ์  โดยบรรจุนายนิรันดร  ฤทธ์มนตรี  เข้ารับราชการต่อจากผู้สอบได้  ลำดับที่  35  บรรจุในอัตราเงินเดือนตั้งใหม่  พ.ศ.  2517  เป็นตำแหน่งพนักงานป่าไม้ตรี  รับเงินเดือน  1,320  บาท  ในคำสั่งชุดนี้มีบุคคลที่ได้เป็นใหญ่เป็นโตอยู่สองท่าน  ท่านแรกคืออธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ  ท่านสมชัย  เพียรสถาพร  ท่านวิทูรย์  เริ่มวิรัตน์  ผู้อำนวยการสำนักฯ  ดาราเจ้าน้ำตา  สำหรับข้าพเจ้าถูกบรรจุให้ไปอยู่สำนักงานป่าไม้เขตอุบลราชธานี และอยู่มาจนถึงปัจจุบัน........

                ก่อนจำอำลาเรื่องราวต่าง ๆ นี้ไป  ข้าพเจ้าอดที่สงสัย  กังขาอยู่ในใจไม่ได้ว่า  ทำไมเรื่องราวของเรามันพอถึงเวลาจะจบมันก็จบลงได้ด้วยความสดใส  มันเป็นนวนิยายน้ำเน่าหรือเปล่าที่ทุกอย่างต้องจบด้วยบท  Happy  ending  เสมอไป  ทบทวนแล้วมันมิใช่หรอก  “สิ่งใดเกิดแต่เหตุเมื่อเหตุนั้นดับ  สิ่งนั้นก็ดับด้วย”  ข้าพเจ้าทบทวนสิ่งต่าง ๆ ที่ผ่านมาพอจะเดาได้ว่าคงจะเป็นเพราะบารมีของท่านอธิบดีที่ได้ยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือบุคคลระดับบิ๊กบอสแล้วเพียงแค่ยกหูโทรศัพท์หากเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา  ใยจะมิรีบดำเนินการ  หากเป็นชนระดับเดียวกัน  เพียงแต่ร้องขอก็สำเร็จสมใจนึก  ท่านอธิบดีท่านได้ดับไปที่เหตุก็คือกองการเจ้าหน้าที่  เมื่อเหตุแห่งการไม่ขอตำแหน่งหมดไป  ทุกสิ่งทุกอย่างก็เริ่มเดินไปตามครรลองของธรรมชาติ  พวกเราได้บรรจุสมใจนึก  ก่อนจบเรื่องจริงอิงนิยายนี้ไป  ข้าพเจ้าขอกราบงาม ๆ สักหนึ่งครั้ง  สำหรับท่านอธิบดีในดวงใจของข้าพเจ้า  หากแม้นเมื่อใดมีโอกาสบุญคุณจำต้องทดแทนเป็นแน่แท้  การรู้รักสามัคคีของพวกเราก็เป็นพลังอันหนึ่งที่ผลักดัน  ขับเคลื่อนจนสำเร็จลุล่วงฟันฝ่าอุปสรรคนานาประการไปได้  แม้จะลำเค็ญเพียงใดหาย่อท้อไม่............

                บัดนี้อดีตมันได้ถูกทอดทิ้งไปแล้ว  บางคนมิต้องการที่จะรื้อฟื้นมันขึ้นมา  เพราะโดยหลักแล้วเราควรจะทำปัจจุบันให้ดีที่สุดแล้วอนาคตมันจะสดใสด้วยตัวมันเอง  ไม่ควรจมปรักอยู่กับอดีตมันจึงจะถูกต้อง  ข้าพเจ้ามิบังอาจที่จะถกเถียงถ้อยคำหรือวลีของนักปราชญ์ราชบัณฑิต  แต่ที่เขียนเรื่องราวต่าง ๆ นี้ขึ้นมาเพื่อเตือนสติตนเองมิให้หลงใหลได้ปลื้มกับ  ลาภ  ยศ  สุข  สรรเสริญ  แห่งโลกมายาใบนี้  ท่านอย่าลืมว่าบางครั้ง  บางโอกาส  “ประวัติศาสตร์มักซ้ำรอยเดิมของมันเสมอ”  อย่าประมาทเป็นอันขาด.....บทสุดท้ายก็ได้ลูกเสือสมใจนึก

“ปัญญาเปรียบประดุจดังอาวุธ        สุจริตไซร์คือเกราะกำบังศาสตร์พ้อง”

 


Last updated: 2015-05-19 22:21:50


@ บุกถ้ำเสือ ตอน ๓ อยากได้ลูกเสือใยมิเข้าถ้ำเสือ
 


 
     
เชิญท่านเป็นบุคคลแรกที่แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับบทความ บุกถ้ำเสือ ตอน ๓ อยากได้ลูกเสือใยมิเข้าถ้ำเสือ
 
     
     
   
     
Untitled Document



LFG
www.lookforest.com|บทความ|โปรแกรมคาร์บอนต้นไม้|ฐานข้อมูลชีวภาพ|เครือข่ายฟาร์มป่าไม้|ติดต่อบรรณาธิการ
Powered by: LOOK FOREST GROUP
23/1 ซอยรัชดาภิเษก 64 แขวงบางซื่อ เขตบางซื่อ กทม.
Clicks: 
3,349

Your IP-Address: 3.88.185.100/ Users: 
1,703